Sell in May and Go Away

นักลงทุนกำลังจับตามองตลาดหุ้นในเดือนพฤษภาคม ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Sell in May and Go Away หรือไม่

Sell in May and Go Away เป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนขายหุ้นทำกำไรในช่วงเดือนพฤษภาคม จากนั้นจะรอให้ตลาดปรับฐานลงถึงจุดต่ำสุด ซึ่งโดยสถิติจะใช้เวลาเป็นเดือนๆ จนกระทั่งเริ่มเห็นสัญญาณตลาดฟื้นตัว จึงค่อยเริ่มซื้อหุ้นอีกครั้ง

สล็อตออนไลน์

เหตุการณ์ Sell in May and Go Away เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยราคาหุ้นจะปรับตัวลงในช่วงเดือนพฤษภาคมก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน จากผลศึกษาข้อมูลดัชนีสําคัญทั่วโลก 15 ปีย้อนหลัง พบว่ามีความน่าจะเป็นประมาณ 50% ที่ตลาดหุ้นจะปรับลดลงในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นประเทศตะวันตก ได้แก่ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เยอรมัน และอังกฤษ
และจะเกิดกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย และฟิลิปปินส์

ผลจากการเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในเดือนพฤษภาคมอยู่ในระดับต่ำหรือถึงขั้นติดลบ โดยผลตอบแทนเฉลี่ย 15 ปีย้อนหลัง (เฉพาะเดือนพฤษภาคม) ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง ติดลบ 1.5%, 1.0% และ 0.3% ตามลำดับ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอังกฤษ นิวยอร์ก และเยอรมัน ติดลบ 0.6% 0.1% และ 0.1% ตามลำดับ

บทวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า Sell in May and Go Away คือปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นเผชิญแรงขายในเดือนพฤษภาคมและมีแนวโน้มราคาลดลง หากดูจากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนี SET50 ในเดือนพฤษภาคมปรับลดลงถึง 7 ปี จาก 10 ปี (คิดเป็นความน่าจะเป็น 70%) โดยในปีนี้คาดว่าจะเริ่มมีแรงขายทำกำไรหลังต้นเดือนเมื่อบริษัทขนาด
ใหญ่ประกาศผลกำไรไตรมาสแรกปีนี้

jumboslot

สถิติ 15 ปีย้อนหลังของตลาดหุ้นไทยพบว่ามีความน่าจะเป็นไปได้ว่าจะเกิด Sell in May and Go Away ประมาณ 47% ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเพียง 0.2% นอกจากนี้ หากพิจารณาข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการปีแรก (เมษายน 2518) ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ปี 2559 (42 ปี) พบว่าพอถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบทั้งสิ้น 24 เดือน

คมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่าตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 24 – 28 เมษายน 2560 ตามความเสี่ยงทางการเมืองในฝรั่งเศสที่ลดลง หลังนาย Emmauel Macron ซึ่งมีนโยบายที่ค่อนข้างเป็นบวกกับตลาดและเป็นมิตรกับสหภาพยุโรป ได้ผ่านเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ในการเลือกตั้งรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม

“มองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนข่าวดีจากการเลือกตั้งฝรั่งเศสไปมากแล้ว และตลาดน่าจะมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานในระยะข้างหน้า เนื่องจาก Valuation ของตลาดที่อยู่ในระดับสูง”

ในขณะที่ดัชนี S&P 500 สหรัฐอเมริกา ซื้อขายที่ Forward P/E ประมาณ 18 เท่า นับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ไอที (Dot-com Bubble) ในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 รวมไปถึงตลาดหุ้นไทย เอเชีย และยุโรป ที่ซื้อขายที่ Forward P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตแทบทั้งสิ้น มีเพียงตลาดหุ้นญี่ปุ่นเท่านั้นที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

เครดิตฟรี

โดยปัจจัยลบซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดการปรับฐานของตลาดหุ้นในช่วงนี้ ได้แก่ แรงเทขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะเหล็กซึ่งราคาแร่เหล็กในตลาด Dalian Commodity Exchange ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องราว 45% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาและเริ่มกดดันให้โลหะอุตสาหกรรมอื่นๆ ปรับตัวลดลงตาม ประกอบกับราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่
ในระดับต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากที่เคยทรงตัวที่ระดับ 52 – 55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงต้นปี

“ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงในช่วงนี้อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเงินเฟ้อ และการขยายตัวของกำไรในตลาดหุ้น และอาจเป็นแรงกดดันให้ตลาดหุ้นโลกซึ่งซื้อขายที่ระดับ Valuation ค่อนข้างแพงมีความเสี่ยงที่จะปรับฐาน” คมศร ประเมิน

บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่าในอดีตที่ผ่านมาการเกิดสภาวะนักลงทุนขายหุ้นเดือนพฤษภาคม (เป็นเดือนที่บริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1) มาจากปัจจัยบริษัทจดทะเบียนประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกออกมาด้วยตัวเลขที่น่าผิดหวัง

“ทำให้ภาพดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด และนักลงทุนใช้กลยุทธ์เลือกลงทุนรายหลักทรัพย์มากขึ้น อีกทั้งเป็นเดือนที่มีโอกาสเกิด Sell in May and Go Away เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น”

สล็อต

ผลสำรวจของนักวิเคราะห์ที่คาดว่ากำไรไตรมาสแรกปีนี้ของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี SET50 จะลดลงประมาณ 9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ประกอบกับการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นขนาดใหญ่ จึงอาจจะส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นปรับลดลงได้ จังหวะการลงทุนนักลงทุนควรรู้

You may also like...