สูตรหยุดขาดทุน ด้วยหุ้น 3 สไตล์

ท่ามกลางวิกฤติโควิด นักลงทุนอาจลังเลว่าควรมีหุ้นประเภทไหนในพอร์ตลงทุน และหุ้นแต่ละประเภทควรมีสัดส่วนเท่าไหร่ ในเบื้องต้นอาจเริ่มจากการศึกษาหาข้อมูล และประเมินว่าหุ้นประเภทไหนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าประทับใจ

สล็อตออนไลน์

หุ้นปันผล (Dividend Stock)
ภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนจะเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน ด้วยการซื้อหุ้นที่มีความปลอดภัยสูง ทำให้หุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอได้รับความนิยม

“หุ้นปันผลเป็นหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงและสามารถลงทุนได้ในทุกสถานการณ์” อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าว

การคัดเลือกหุ้นปันผล อาภาภรณ์ แนะนำว่า ตามหลักการแล้วไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง “บริษัทต้องมีความเต็มใจในการจ่ายปันผล” นอกจากนี้ให้ดูแนวโน้มการดำเนินธุรกิจต้องดี ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีการเติบโตอย่างมั่นคงในยุค New Normal

“ที่สำคัญต้องจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเงินที่นำมาจ่ายปันผลควรมาจากการดำเนินธุรกิจ ไม่ใช่จากการกู้เงินเพื่อมาจ่ายปันผล”

jumboslot

โดยหุ้นที่จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ควรมีติดไว้ในพอร์ตลงทุนตลอดเวลา ยิ่งในช่วงวิกฤติโควิด หุ้นประเภทนี้ “น่าลงทุนมาก เพราะจังหวะที่ราคาหุ้นปรับลดลง เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ ทำให้ได้รับอัตราเงินปันผลตอบแทน หรือ Dividend Yield ในระดับสูงขึ้น” อาภาภรณ์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นปันผล สะสมไว้ในพอร์ตและเน้นลงทุนระยะยาว เพื่อรับเงินปันผลไปเรื่อยๆ

“ช่วงตลาดผันผวน นักลงทุนจะสามารถทำกำไรได้ยากขึ้น พูดง่ายๆ คือ ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่หุ้นปันผลจะช่วยลดความเสี่ยง เพราะได้รับเงินปันผลที่สม่ำเสมอ เช่น หุ้นบางตัวจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาส ทุกครึ่งปี หรือ 1 ปีจ่ายปันผล 1 ครั้ง เป็นต้น” อาภาภรณ์ กล่าว

หุ้นเติบโตได้ดี (Growth Stock) ท่ามกลาง New Normal
ถึงแม้ว่าหุ้นเติบโตอาจมี P/E Ratio หรือ Price to Book สูงกว่าตลาดโดยรวม แต่อาภาภรณ์ มองว่ามีโอกาสเติบโตในระดับที่ดี ดังนั้น การลงทุนหุ้นประเภทนี้จึงเน้นผลกำไรส่วนต่างจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นในอนาคต (Capital Gain) “เมื่อไหร่ที่ตลาดเป็นขาขึ้น หุ้นประเภทนี้จะสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตโดยรวมได้ดี”

โดยในช่วงตลาดผันผวน อาภาภรณ์ แนะนำให้นักลงทุนตั้งเป้าหมายผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นเติบโต ที่ระดับประมาณ 7 – 10% แต่ถ้าตลาดเป็นขาขึ้นควรขยับขึ้นไปที่ประมาณ 15 – 20%

“หุ้นที่สามารถเติบโตได้ดีในยุค New Normal เช่น ธุรกิจไฟแนนซ์ รับจำนำ เพราะในช่วงวิกฤติโควิด จะมีผู้นำทะเบียนรถ โฉนดที่ดินมาจำนำ เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากขาดสภาพคล่อง หรือธุรกิจเวชภัณฑ์ยา เพราะคนเริ่มหันมาดูแล ใส่ใจสุขภาพ ทานวิตามินกันมากขึ้น หรือธุรกิจวางระบบดิจิตอล แพลตฟอร์ม ก็เติบโตได้ดี”

อย่างไรก็ตาม อาภาภรณ์ แนะนำนักลงทุนควรพิจารณาก่อนว่าต้องเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีในยุคNew Normal “หุ้นที่เติบโตได้ดีในอดีต บางธุรกิจอาจไม่เติบโตในยุค New Normal ดังนั้น ควรพิจารณาให้ละเอียดก่อนลงทุน”

เครดิตฟรี

หุ้นปัจจัย 4
เป็นธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็จ่ายปันผลสม่ำเสมอ พูดง่ายๆ เป็นหุ้นที่ไม่หวือหวา แต่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว “ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิต เช่น อาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัย ไฟฟ้า โรงพยาบาล”

อาภาภรณ์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นประเภทนี้จะปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกันในช่วงวิกฤติ ราคาหุ้นจะปรับลดลงไม่มาก เช่นเดียวกับช่วงตลาดขาขึ้น ก็ปรับขึ้นไม่มากเช่นกัน

การจัดพอร์ตลงทุน

ในช่วงที่ตลาดผันผวน หากมีหุ้นทั้ง 3 ประเภทอยู่ในพอร์ตลงทุนจะช่วยสร้างความสมดุลได้ โดยหุ้นปันผลจะมีความปลอดภัยที่สุด “ได้เงินปันผลแน่นอน” ส่วนหุ้นเติบโตจะมีความหวือหวาที่สุด แต่ด้วยความคาดหวังเรื่องส่วนต่างจากราคาที่จะปรับขึ้นในอนาคต จะสร้างผลตอบแทนสูงให้กับพอร์ตได้เช่นเดียวกัน ขณะที่หุ้นปัจจัย 4 จะไปได้เรื่อยๆ เงินปันผลไม่สูง แต่ธุรกิจก็เติบโตได้สม่ำเสมอ

สล็อต

“การผสมผสานหุ้นทั้ง 3 ประเภท ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของนักลงทุนว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ารับความเสี่ยงได้น้อย สัดส่วนหุ้นปันผลจะมากที่สุด รองลงมาก็เป็นหุ้นปัจจัย 4 แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้สูง ก็เน้นหุ้นเติบโต รองลงมาเป็นหุ้นปัจจัย 4 และหุ้นปันผล ตามลำดับ แต่ไม่ว่าจะรับความเสี่ยงได้มากหรือน้อย ก็ต้องมีหุ้น 3 ประเภทนี้อยู่ในพอร์ตตลอดเวลา” อาภาภรณ์ แนะนำ

You may also like...