Safe Haven ยังมี แล้วอยู่ตรงไหน
ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงสิ้นเดือนเมษายน นับเป็นช่วงบรรยากาศการลงทุนคึกคัก พร้อมๆ กับความหวังว่าตลอดปีนี้ ผลตอบแทนจะกลับมาเป็นบวกหลังจากปีที่แล้วที่ผิดหวังไปตามๆ กัน
ขณะที่ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนกลับมาสร้างความปั่นป่วนให้โลกการลงทุน เช่น แค่ห้าวันแรกของเดือนพฤษภาคมนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงไปแล้ว 32 จุด รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาสินทรัพย์อื่นๆ อยู่ในภาวะผันผวน
เมื่อนักลงทุนเกิดความกังวล สิ่งที่ตามมาก็หนีไม่พ้นการชะลอการลงทุน (Wait & See) ด้วยการลดพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และหาช่องทางอื่นที่ลงทุนแล้วสบายใจ ถึงแม้ว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะอยู่ในระดับต่ำ
สินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่มีความปลอดภัย หรือมักเรียกกันติดปากว่า หลุมหลบภัย (Safe Haven) จะได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อนักลงทุนรู้สึกว่าเงินที่ตัวเองลงทุนอยู่นั้น มีความเสี่ยงสูงขึ้นและมีโอกาสขาดทุน
แล้ว Safe Haven คือสินทรัพย์อะไร ซึ่งก่อนจะตอบคำถามนี้ มีประเด็นหนึ่งที่พิสูจน์แล้วว่าเมื่อทำตามนี้จะ “ปลอดภัย” มากขึ้น นั่นคือ กลยุทธ์กระจายการลงทุน (Asset Allocation) หมายความว่า ในช่วงที่สถานการณ์ไม่เป็นใจ หรือสังเกตได้จากราคาสินทรัพย์เพื่อการลงทุนส่วนใหญ่ปรับลดลง นักลงทุนต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการโยกเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เรียกว่า Safe Haven
เช่น หลังจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนประทุขึ้นอีกรอบ นักลงทุนต้องลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง แล้วเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ Safe Haven มากขึ้น และคำถามตามมาก็คือ มีสินทรัพย์ Safe Haven อะไรบ้าง ที่สามารถนำมาจัดพอร์ตลงทุนได้
- เงินสด ในช่วงสถานการณ์ผันผวน จนทำให้นักลงทุนกังวลกับเงินลงทุนว่าหากตัดสินใจถือสินทรัพย์เสี่ยงสูงต่อไปอาจขาดทุน ก็สามารถขายแล้วถือเงินสดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ถึงแม้ว่าเงินสดจะไม่ได้สร้างผลตอบแทน แถมมูลค่าจะลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ แต่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานย่อมปลอดภัย และเมื่อทุกอย่างกลับเข้าที่เข้าทางค่อยนำไปหาทางลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนต่อไป
- พันธบัตรรัฐบาล ถึงแม้ผลตอบแทนจะอยู่ในระดับต่ำแต่มีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสซื้อได้ยาก จึงต้องลงทุนผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
- ทองคำ เป็นสินทรัพย์ Safe Haven คลาสสิคที่สุด เพราะรู้กันดีว่าถ้าเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจหรือเกิดสงคราม ทองคำจะได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ปกป้องพอร์ตลงทุนในช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงสูงปรับลดลง
แต่มีหลายคนที่รู้สึกว่าหากซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้ที่บ้านอาจโดนขโมย ทางออกก็คือ ลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ ซึ่งกองทุนรวมทองคำในประเทศไทยส่วนใหญ่จะลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust เป็นกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในทองคำจริงๆ
- หุ้นปันผล ถึงแม้หุ้นจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยปัจจัยลบ แต่หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอกลับเป็นหลุมหลบภัยที่ดี โดยเฉพาะหุ้นที่จ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายๆ ปี ไม่ขาดตกบกพร่อง เช่น 15 ปี 20 ปี ซึ่งการันตีได้ว่าในอนาคตจะยังคงจ่ายปันผลต่อไป
ท่ามกลางวิกฤติ แต่หากสามารถหาโอกาสการลงทุนและสร้างผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสม ย่อมทำให้พอร์ตลงทุนมีความปลอดภัย ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง
