เงินเฟ้อเพื่ออะไร
ผู้กระทำ าทีดวัตถุประสงค์ของหลักการการคลัง
ธนาคารชาติด าเนินหลักการการคลังภายใต้กรอบจุดมุ่งหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น (Flexible
Inflation Targeting) มาตั้งแต่พฤษภาคม 2543 ซึ่งแสดงว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย มิได้ให้ความส าคัญกับการดูแล
อัตราเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว แม้กระนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังให้ความส าคัญกับการดูแลการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ และก็
เสถียรภาพด้านอื่นๆเป็นต้นว่า ภาคธุรกิจ ภาคครอบครัว ภาคสถาบันการเงิน รวมทั้งตลาดการคลังด้วย
วัตถุประสงค์เงินเฟ้อตั้งแต่พฤษภาคม 2543 จนกระทั่งปี 2551
1) ใช้อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้น (Core inflation) เป็นวัตถุประสงค์สำหรับการด าเนินแนวนโยบาย
อัตราเงินเฟ้อฐานราก คือ อัตราความเคลื่อนไหวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีกลายของดรรชนีราคาคนซื้อ
(Consumer Price Index: CPI) ที่หักราคาผลิตภัณฑ์ในหมวดอาหารสดแล้วก็พลังงานออก โดยมีเหตุมีผลมาจากการ
ที่ราคาผลิตภัณฑ์ในกรุ๊ปที่หักดังที่กล่าวมาข้างต้น เป็นต้นว่า ข้าว สินค้าจากแป้ง เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ค่าไฟ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว
และก็น้ ามันเชื้อเพลิง มีความปั่นป่วนมากมายในระยะสั้นอันเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกจากความรู้ความเข้าใจใน
การควบคุมของแนวทางการคลัง ด้วยเหตุนั้น ถ้ายังคงรวมอยู่ในจุดหมายบางทีอาจจะท าให้จะต้องเปลี่ยนแปลงหลักการ
การคลังบ่อยและก็บางครั้งอาจจะเป็นการซ้ าเพิ่มเศรษฐกิจให้ชั่วช้าสารเลวลงไปอีกได้ อาทิเช่น ในกรณีที่ราคาผลิตภัณฑ์หมวดอาหารสด
และก็พลังงานสูงมากขึ้น ซึ่งมีผลบ่อนทำลายก าลังจ่ายตลาดประชากรอยู่แล้ว ถ้าเกิดมีการด าเนินหลักการการคลังอย่าง
ครัดเคร่ง โดยการขึ้นอัตราค่าดอกเบี้ย เพื่อท าให้อัตราเงินเฟ้อต่ำลง จะส่งผลท าให้การอุปโภคบริโภคยิ่งลดน้อยลง รวมทั้ง
แปลงเป็นการซ้ าเพิ่มเติมการขยายตัวของเศรษฐกิจให้หยาบช้าลงมากขึ้น
กล่าวโดยย่อเป็น การหักราคาผลิตภัณฑ์ในกรุ๊ปดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นค่อนข้างจะช่วยลดความปั่นป่วนของอัตราเงินเฟ้อ สะท้อนแรง
บีบคั้นด้านราคาที่จริงจริง (Underlying inflation) ที่มาจากด้านอุปสงค์หรือส่วนของ Second-round effect
ได้ดิบได้ดีขึ้น ในเวลาเดียวกัน ความปั่นป่วนที่ลดน้อยลงช่วยลดการเปลี่ยนแปลงแผนการการคลังบ่อยเกินความจ าเป็น
อย่างไรก็แล้วแต่ แม้ว่าจะหักราคาผลิตภัณฑ์หมวดอาหารสดและก็พลังงานออกก็ตาม แต่ว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหว
ของระดับราคาในรูปภาพรวม (General price level) ก็ยังสามารถสะท้อนได้จากอัตราเงินเฟ้อฐานรากที่คิดเป็น
รูปร่างราวๆ 3 ใน 4 ของดรรชนีราคาผู้ซื้อ (Consumer Price Index) นอกเหนือจากนี้ จากข้อมูลในสมัยก่อน
พบว่าในระยะยาวอัตราเงินเฟ้อทั่วๆไปและก็อัตราเงินเฟ้อรากฐานจะขยับเขยื้อนไปร่วมกัน หากว่าในระยะสั้นอาจมี
ความต่างกันบ้าง ด้วยเหตุนี้ การดูแลและรักษาเสถียรภาพด้านราคาโดยการใช้อัตราเงินเฟ้อรากฐานเป็นจุดหมาย
จะพอๆกับเป็นการดูแลเสถียรภาพของอัตราเงินเฟ้อทั่วๆไปด้วย ซึ่งก็คือการดูแลตีราคาให้ผลิตภัณฑ์รวมทั้ง
บริการที่เกี่ยวเนื่องกับค่ายังชีพของพลเมืองมีเสถียรภาพในระยะยาว
2) ใช้ตอนปริมาณร้อยละ 0-3.5 ต่อปี เป็นจุดมุ่งหมาย โดยค านึงถึง
ความรู้ความเข้าใจสำหรับในการปรับนิสัยของสามัญชนในกรุ๊ปต่างๆในระบบเศรษฐกิจต่อความเคลื่อนไหวของระดับ
ราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุ๊ปผู้เกษียณที่พึ่งพิงพารายได้จากดอกเงินออมเป็นหลัก กรุ๊ปผู้มีเงินเดือนประจ า รวม
ไปถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่มีอ าที่นาจต่อรองค่าตอบแทนออกจะต่ า เนื่องจากบางทีอาจได้รับผลพวงถ้าระดับของเงินเฟ้อที่
เป็นจุดหมายสูงเหลือเกิน เพราะเหตุว่ารายได้ชอบมากขึ้นไม่ทันกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะท าให้อ าที่นาจซื้อน้อยลง
ความกลมกลืนกับอัตราเงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าคู่แข่งขันส าคัญของไทย เนื่องจากการดูแลรักษาอัตราเงินเฟ้อของไทย
ให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าคู่ต่อสู้จะช่วยรักษาความรู้ความเข้าใจแข่งด้านราคาสำหรับการส่งออก
ของเมืองไทยได้ โดยในตอน 10 ปีให้หลัง (2542 – 2551) อัตราเงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าคู่แข่งขันส าคัญของ
ไทยเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆปริมาณร้อยละ 1.8
3) ใช้อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเฉลี่ยรายไตรมาสเป็นจุดหมาย
เพราะว่าโดยทั่วไป อัตราเงินเฟ้อทุกเดือนชอบมีความปั่นป่วนสูง การเฉลี่ยเป็นรายไตรมาสก็เลยช่วยทำให้มองเห็น
ความก้าวหน้าของเงินเฟ้อได้ดิบได้ดีขึ้น ยิ่งกว่านั้น ยังช่วยทำให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และก็พสกนิกรสามารถพิจารณาได้เร็วกว่าการ
เฉลี่ยเป็นทุกปีหรือช่วงเวลานานกว่านั้น แม้เงินเฟ้อมีลักษณะท่าทางจะหลุดจากจุดหมาย และก็ยังคล้ายคลึง
กับคาดการณ์จากแบบจ าทดลองเศรษฐกิจมหภาครายไตรมาสที่คณะกรรมการฯ ใช้เป็นวัสดุประกอบกิจการ
ก าคราวดแผนการ
คณะกรรมการแนวนโยบายการคลัง (กนง.) มีข้อคิดเห็นว่าวัตถุประสงค์อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นที่ปริมาณร้อยละ 0-3.5 มีความ
เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งการที่ก าครั้งดเป็นตอน (Range) รวมทั้งมีขนาดกว้างพอควร ก็
เพื่อจะช่วยทำให้การด าเนินแนวทางการคลังมีความยืดหยุ่นและก็สามารถรองรับความเคลื่อนไหวทางด้านเศรษฐกิจ
ต่างๆที่บางทีอาจเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ(Temporary economic shocks) ซึ่งช่วยลดความจ าเป็นที่คณะกรรมการฯ
จึงควรเปลี่ยนแปลงหลักการการคลังบ่อยมาก ซึ่งก็คือการลดความผันแปรของอัตราค่าดอกเบี้ย นำมาซึ่งการทำให้ระบบ
เศรษฐกิจและก็การคลังของประเทศด าเนินไปได้อย่างสะดวก
จุดหมายเงินเฟ้อปี 2552
พ.ร.บ.ธนาคารชาติ (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2551 ก าคราวดกรอบสำหรับเพื่อการด าเนินงานด้านแนวทาง
การคลังของประเทศไว้อย่างเห็นได้ชัดในมาตราที่ 28/8 โดยกล่าวว่า “ด้านในธ.ค.ของทุกปี ให้
คณะกรรมการแผนการการคลังจัดท าจุดมุ่งหมายของแนวนโยบายการคลังในปีต่อไป เพื่อเป็นแถวทางให้แก่เมืองรวมทั้ง
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับการด าเนินการอะไรก็ตามเพื่อด ารงไว้ซึ่งเสถียรภาพด้านราคา โดยท าการตกลงร่วมกับรัฐมนตรี และก็ให้
รัฐมนตรีเสนอจุดมุ่งหมายของแผนการการคลังที่ได้ท าการตกลงร่วมนั้นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อไตร่ตรองอนุมัติ
เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา”
เพราะเหตุนี้ กนง. แล้วก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็เลยได้ไตร่ตรองทวนความเหมาะสมของจุดหมายเงิน
เฟ้อปี 2552 ด้วยกันอย่างถี่ถ้วน โดยค านึงถึงข้อความสำคัญส าคัญต่างๆรวมทั้งได้เห็นดีเห็นงามด้วยกันที่จะเสนอ
จุดหมายอัตราเงินเฟ้อใหม่โดย
(1) ใช้อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเฉลี่ยรายไตรมาสตัวอย่างเช่นเดิมเพื่อสร้างความเกี่ยวเนื่องสำหรับในการด าเนินแผนการ
(2) ปรับตอนของจุดหมายให้แคบลงไว้ที่ปริมาณร้อยละ 0.5-3.0 ต่อปี ดังนี้ ได้ปรับขอบข้างล่างให้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าศูนย์เพื่อลด
ช่องทางของการเกิดสภาวะเงินฝืด ช่วงเวลาเดียวกันปรับขอบบนลงให้พอๆกับที่ปรับขอบด้านล่างขึ้น เพื่อไม่ส่งสัญญาณว่า
จุดยืนของแนวนโยบายการคลังจะเปลี่ยน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ลงความเห็นอนุมัติจุดหมายดังที่กล่าวผ่านมาแล้วช่วงวันที่ 1
เดือนกันยายน 2552
จุดหมายเงินเฟ้อปี 2553 จนกระทั่งปี 2557
จุดมุ่งหมายอัตราเงินเฟ้อตั้งแต่ปี 2553 ถึงปี 2557 กนง. แล้วก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นด้วยด้วยกันที่
จะยังคงใช้อัตราเงินเฟ้อรากฐานเฉลี่ยรายไตรมาสที่ปริมาณร้อยละ 0.5 -3.0 ต่อปี ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์เงินเฟ้อสม่ำเสมอมา
ตั้งแต่ปี 2552 โดยมีความคิดเห็นว่ายังคงเป็นแผนการที่มีความเหมาะสมสำหรับเพื่อการช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยมี
เสถียรภาพและก็เติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะถัดไป ด้วยเหตุว่า
(1) อัตราเงินเฟ้อที่ต่ าและไม่ปั่นป่วน (Low and stable) จะมีส่วนส าคัญยิ่งที่ช่วยเอื้อให้เศรษฐกิจเติบโตได้
อย่างยั่งยืนในระยะยาว
(2) จุดหมายอัตราเงินเฟ้อที่วางไว้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าคู่แข่งขัน ซึ่งจะช่วยรักษา
ความรู้ความเข้าใจสำหรับการแข่งด้านราคาของสินค้าส่งออกของไทย
(3) จุดหมายเงินเฟ้อที่ต่ าช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจที่จะสามารถตกลงใจคิดแผนบริโภคแล้วก็ลงทุน
ได้อย่างแน่ใจ
จุดมุ่งหมายเงินเฟ้อปี 2558
กนง. แล้วก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้พินิจพิเคราะห์ทวนความเหมาะสมของจุดมุ่งหมายเงินเฟ้อด้วยกัน
และก็เห็นด้วยที่จะใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วๆไปเป็นจุดหมายของแนวทางการคลัง เหตุเพราะในช่วงหลังอัตราเงินเฟ้อ
เบื้องต้นมีความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการสะท้อนค่ายังชีพได้ลดน้อยลง และก็ราคาพลังงานรวมทั้งอาหารสดมีส่วนส าคัญต่อ
ผู้กระทำ าคราวดเงินเฟ้อมากเพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้น การใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วๆไปที่ครอบคลุมในทุกกรุ๊ปกรุ๊ปผลิตภัณฑ์แล้วก็บริการ
รวมทั้งพลังงานและก็อาหารสดด้วยนั้น สอดคล้องกับความรู้ความเข้าใจของราษฎร ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจบริโภค
รวมทั้งออมของราษฎร การตัดสินใจลงทุนและก็กำหนดราคาของภาคธุรกิจ ก็เลยไม่ยุ่งยากต่อการติดต่อสื่อสารแนวทางการคลัง
ของ กนง. กับหมู่ชน ซึ่งมีความส าคัญอย่างมากกับการด าเนินแผนการการคลังภายใต้กรอบจุดหมายเงิน
เฟ้อแบบยืดหยุ่น ด้วยเหตุว่าการใช้อัตรา
เงินเฟ้อทั่วๆไปเป็นจุดมุ่งหมายจะช่วยทำให้การยึดรั้งเงินเฟ้อคาดหมายของมวลชนมีคุณภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆ