ความเป็นมาของนโยบายการเงิน

ตั้งแต่ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการยี่ห้อพ.ร.บ.ธนาคารชาติ พุทธศักราช 2485 ภายใต้
พ.ร.บ.ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ธนาคารชาติมีบทบาทด าเนินธุรกิจของธนาคารกลาง รวมทั้งหน้าที่อื่นๆซึ่งจะ
ก าคราวดโดยการยี่ห้อพระราชกฤษฎีกา ในข้อบังคับนี้ถึงไม่ได้กำหนดเรื่องแผนการการคลังอย่างชัดเจน แต่ว่าก็
ก าคราวดให้คณะกรรมการแบงค์มีอ าที่นาจสำหรับในการก าคราวดอัตรา ดอกมาตรฐาน ซึ่งเป็นอัตราค่าดอกเบี้ยที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย
เรียกเก็บจากการเป็นแหล่งเงินกู้ยืมแหล่งในที่สุด (Lender of the last resort) ของสถาบันการเงิน ยิ่งกว่านั้น
ยังให้อ าท้องนาจ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนตราสารหนี้สินและก็เงินตราต่างประเทศ ตลอดจนให้สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ า
รับรองแก่สถาบันการเงิน ซึ่งในเรื่องกลุ่มนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้กระท าเพื่อค้าก าไร โดยเหตุนี้ก็เลยบอกได้ว่า กฏหมายมี
บทบัญญัติโดยอ้อมให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้ด าเนินแนวทางการคลังอย่างเห็นได้ชัด และก็ในทางปฏิบัติ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะด าเนินธุรกิจ
ของธนาคารกลางโดยค านึงถึง เสถียรภาพด้านการเงินแล้วก็ระบบการคลัง ซึ่งเป็นต้นสายปลายเหตุส าคัญของการ
ขยายตัวด้านเศรษฐกิจในระยะยาว

slotxo

xoslot

xoslot

สล็อต xo
แนวนโยบายการคลังของไทยแบ่งได้ 3 ตอนเป็น
1) การมัดค่าเงินบาทกับทองคำค าค่าเงินสกุลอื่นหรือกับกระเช้าเงิน (Pegged Exchange Rate) (ตอนหลัง
สงครามโลกครั้งที่ 2 – เดือนมิถุนายน 2540) หลักการนี้เริ่มใช้ตั้งแต่ข้างหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา โดยทีแรกๆ
ใช้แนวทางผูกค่าเงินไว้กับทองคำค า ก่อนจะแปรไปผูกค่าเงินบาทกับเงินสกุลอื่น รวมทั้งแปรไปใช้ระบบผูกค่าเงิน
บาท กับตระกร้าเงินในตอนเดือนพฤศจิกายน 2527 – เดือนมิถุนายน 2540 ภายใต้ระบบกระเช้าเงินนี้ ทุนรักษาระดับ
อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Equalization Fund : EEF) จะเป็นผู้ดำเนินรายการรวมทั้งป้องกันค่าเงินบาทเทียบกับ
ดอลลาร์ สกรมราชองครักษ์กระทรวงกลาโหม ในวันแล้ววันเล่า ซึ่งขณะนั้น การมีอัตราแลกเปลี่ยนที่คงเดิมช่วยสำหรับเพื่อการเกื้อหนุนการเติบโต
ของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพรวมทั้งจีรังยั่งยืนในระยะยาว
2) ผู้กระทำ าทีดจุดมุ่งหมายด้านการเงิน (Monetary Targeting) (ก.ค. 2540 – เดือนพฤษภาคม 2543) ภายหลังจาก
ที่เมืองไทยเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยน มาเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว ช่วงวันที่ 2
เดือนกรกฎาคม 2540 นั้น เมืองไทยขอรับการช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(International Monetary Fund : IMF) และก็ได้มีการก าทีด Policy Anchor แบบใหม่หมายถึงMonetary
Targeting ซึ่งก าคราวดจุดหมายทางด้านการเงิน อิงกับกรอบการจัดท าโปรแกรมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
เพื่อกำเนิดความกลมกลืนระหว่างแผนการการคลัง แนวทางการเงิน รวมทั้งจำนวนเงินจากภาคต่างแดน และก็
ดุลการช าระเงิน แล้วก็ให้ได้ภาพการขยายตัวด้านเศรษฐกิจแล้วก็ระดับราคาดังที่ก าคราวดไว้ (Ultimate
Objectives) จากการวัดภาพเศรษฐกิจดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถก าครั้งดจุดมุ่งหมายฐานเงินรายไตรมาสและก็
รายวัน เพื่อใช้เป็นหลักสำหรับในการบริหารสภาพคล่องรายวัน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับสภาพคล่องแล้วก็อัตรา
ดอกในระบบการคลัง ไม่ให้เคลื่อนเปลี่ยนอย่างแปรผันจนกระทั่งเหลือเกิน
3) ผู้กระทำ าครั้งดจุดหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) (23 พ.ค. 2543 – ตอนนี้) แบงค์ที่
เมืองไทยได้ไตร่ตรองสาเหตุต่างๆในระบบการคลัง ทั้งยังตอนนี้รวมทั้งในอนาคตแล้วมีความเห็นว่า การใช้จำนวนเงิน
เป็น จุดหมายจะมีประสิทธิผลน้อยกว่าการใช้เงินเฟ้อเป็นจุดมุ่งหมาย เนื่องด้วย ความเชื่อมโยงระหว่างจำนวน
เงินและก็การขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่ตอนเศรษฐกิจตกต่ำเป็นต้นมาไม่มีเสถียรภาพ โดยเหตุนี้เมื่อเมืองไทย
ออกมาจากโปรแกรมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย จ าเป็นควรมีผู้กระทำ าครั้งด policy anchor ใหม่ ที่
สมควรส าหรับประเทศ รวมทั้งมีความคิดเห็นว่ากรอบ Inflation Targeting คงจะสมควรสำหรับการสร้างความน่าไว้วางใจ
ของธนาคารกลางแล้วก็หลักการการคลังอีกที
การด าเนินแผนการการคลัง ในกรอบ Inflation Targeting นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย อาศัยอ าท้องนาจผู้ว่าการแบงค์ที่
เมืองไทย สำหรับในการแต่งคณะกรรมการแนวนโยบายการคลังชุดแรกขึ้น ช่วงวันที่ 5 เดือนเมษายน 2543 โดยเชื้อเชิญ
ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ตัดสิน ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารชาติ รวมจ านวน 9 ท่าน สำหรับการ
ก าครั้งดแนวทางแนวนโยบายการคลังของประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพของระดับราคา ตลอดจนพัฒนากรอบ
Inflation Targeting ให้ เหมาะสมกับเมืองไทย ตอนนี้คณะกรรมการแนวทางการคลังมีผู้ตัดสินทั้งผอง
7 ท่าน โดย 4 ท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากด้านนอก
ดังนี้ ตอนวันที่ 3 เดือนมีนาคม 2551 พ.ร.บ.ธนาคารชาติ (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2551 ได้ประกาศใช้
โดยให้มีการก าทีดเป้าหมาย
จุดหมายและก็ความรับผิดชอบอย่างแจ่มแจ้ง เพื่อเหมาะสมกับการด าเนินภารกิจของธนาคารกลางสำหรับในการ
ด ารงไว้ซึ่งเสถียรภาพด้านการเงิน เสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งระบบการช าระเงิน

You may also like...