ปฏิกิริยาของตลาด TFEX ในช่วงเลือกตั้ง

เนื่องจากตลาด TFEX เปิดทำการวันที่ 28 เมษายน 2549 โดยเริ่มให้ซื้อขาย SET50 Index Futures เป็นสินค้าแรก การศึกษาผลกระทบของการเลือกตั้งจึงมีข้อมูลไม่มาก โดยมีการเลือกตั้งเพียง 3 ครั้งให้ศึกษา คือ 23 ธันวาคม 2550, 3 กรกฎาคม 2554, และ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แต่เป็น 3 ครั้งที่มี ผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดเฉลี่ย 74% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ
ผู้เล่นในตลาดเงินและตลาดทุนบ้านเราทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ข้อสรุปเบื้องต้น ยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมของตลาด TFEX และการเลือกตั้งที่ชัดเจน แต่มีข้อสังเกตที่น่าสนใจ 4 ประการคือ

ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมักปรับตัวลงในเดือนที่มีการเลือกตั้ง

โดยมีเพียงการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET50 Index Futures ในเดือนธันวาคม 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 7,451 สัญญา แต่ยังต่ำกว่าภาพรวมทั้งปี 2550 ที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 316% เมื่อกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อยู่ที่ 5,013 สัญญา

สล็อตออนไลน์

ส่วนการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่ง TFEX มีสินค้าให้เลือกหลากหลายกว่าปี 2550 เช่น Single Stock Futures และ Precious Metal Futures พบว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ Futures ทั้งหมดในเดือนกรกฎาคม 2554 เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 43,445 สัญญา แต่เป็นเพราะปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ
Precious Metal เพิ่มขึ้นถึง 55% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 20,454 สัญญา ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET50 Index Futures ทรงตัวที่ 16,142 สัญญา ส่วน Single Stock Futures ลดลง 5% เหลือ 6,841 สัญญา

สำหรับการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 2 กุมภาพันธ์ 2557 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ Futures ทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ลดลง 19% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าเหลือ 43,592 สัญญา ถ้านับเฉพาะ SET50 Index Futures ลดลงมากถึง 35% เหลือ 15,058 สัญญา ส่วน Single Stock Futures ลดลง 14% เหลือ 21,228 สัญญา ขณะที่
Precious Metal ปรับตัวเพิ่มขึ้น 28% อยู่ที่ 6,676 สัญญา

ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนว่านักลงทุนมีความกังวลต่อผลการเลือกตั้งมากขึ้นเรื่อยๆ จึงชะลอการลงทุนใน SET50 Index Futures และ Single Stock Futures ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจนกว่าจะมีความชัดเจน ขณะที่ Precious Metal ซึ่งสินค้าหลักคือ Gold Futures จะเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาทองคำโลกและค่าเงินบาท จึงได้รับผลกระทบจากประเด็นการเมืองในประเทศไม่มากนัก

ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงในเดือนถัดจากการเลือกตั้ง

โดยหลังจากเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET50 Index Futures ในเดือนมกราคม 2551 เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 8,542 สัญญา ส่วนการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET50 Index Futures ในเดือนสิงหาคม 2554 ที่เป็นเดือนถัดไป เพิ่มขึ้น 33%
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 21,537 สัญญา ขณะที่ Single Stock Futures เพิ่มขึ้น 4% อยู่ที่ 7,104 สัญญา

jumboslot

และการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 2 กุมภาพันธ์ 2557 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET50 Index Futures ในเดือนมีนาคม 2557 เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 17,234 สัญญา และ Single Stock Futures เพิ่มขึ้น 116% อยู่ที่ 45,849 สัญญา

แน่นอนว่าผลวิเคราะห์ข้างต้นอาจมีความคาดเคลื่อนในการตีความ จากช่วงเวลาการเลือกตั้งที่ต่างกันในแต่ละเดือน แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลรายวันที่มีความละเอียดมากขึ้น เพื่อทดสอบว่าปริมาณการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังเลือกตั้งหรือไม่ ก็ให้ผลลัพธ์ในทางเดียวกัน จึงสรุปได้ว่าว่าเมื่อปัจจัยการเมืองมีความชัดเจน นักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นในการใช้
ตราสารอนุพันธ์เป็นเครื่องมือเพื่อบริหารความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น

ราคา SET50 Index Futures มักปรับตัวขึ้นหลังเลือกตั้ง

โดยวันจันทร์ที่เป็นวันทำการวันแรกหลังเลือกตั้ง ราคา SET50 Index Futures ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกครั้งเฉลี่ย 3.68% และถ้าพิจารณาระยะเวลานานกว่านั้น SET50 Index Futures ยังปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วง 5 วันและ 10 วันทำการหลังเลือกตั้งเฉลี่ย 3.29% และ 3.07% ตามลำดับ (เทียบกับวันก่อนเลือกตั้ง) แต่สำหรับระยะเวลา 20 วันทำการหลังเลือกตั้ง
ถือว่าเริ่มมีความเสี่ยง เพราะผลตอบแทนค่อนข้างผันผวนและมีบางปีที่ให้ผลตอบแทนเป็นลบ อีกทั้ง เมื่อพิจารณาจากผลตอบแทนเฉลี่ยก็ต่ำเพียง 1.39% ถ้าจะเก็งกำไรฝั่ง Long ใน SET50 Index Futures ตามข้อมูลทางสถิติ ควรถือสถานะระยะสั้นไม่เกิน 10 วันทำการหลังเลือกตั้ง

เครดิตฟรี

ค่าความผันผวนของ SET50 Index Futures มักปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังเลือกตั้ง

ค่าความผันผวนของอัตราผลตอบแทนรายวันเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงของ SET50 Index Futures ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งข้อสรุปที่ได้สอดคล้องกับข้อมูลข้างต้น คือ ความผันผวนช่วงก่อนเลือกตั้งจะต่ำเพียง 1.2% – 1.4% แต่ความผันผวนช่วงหลังเลือกตั้งจะเร่งตัวขึ้นอยู่ที่ 1.5% – 2.1%

หมายความว่า การลงทุนหรือการเก็งกำไรใน SET50 Index Futures ช่วงหลังเลือกตั้งมีความเสี่ยงสูงกว่าก่อนเลือกตั้ง ถ้าต้องการเข้าไปเก็งกำไรต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนและควรบริหารความเสี่ยงโดยการวางหลักประกันให้มากกว่าที่โบรกเกอร์กำหนด เพื่อรองรับความผันผวนและลดระดับอัตราทดลง

แต่สำหรับผู้ถือกองทุนหรือหุ้นที่เป็นสินค้าอ้างอิงของ SET50 Index Futures, SET50 Index Options, หรือ Single Stock Futures อยู่แล้ว อาจเป็นการเหมาะ ถ้าจะใช้เครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ลดความเสี่ยงหรือลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนชั่วคราว

กลยุทธ์การลงทุนช่วงเลือกตั้ง

สล็อต

กลยุทธ์การลงทุนใน TFEX ช่วงเลือกตั้งที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลอดีต คือ การ Long SET50 Index Futures ในวันก่อนเลือกตั้ง 1 วันทำการ แล้วไปปิดสถานะหลังวันเลือกตั้งไม่เกิน 10 วันทำการ ภายใต้สมมติฐานที่พฤติกรรมของราคาหุ้นใน SET50 Index และพฤติกรรมของนักลงทุนใน SET50 Index Futures ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเชื่อว่าพฤติกรรมรอบนี้
จะเปลี่ยนไป เพราะเงื่อนไขการเลือกตั้งไม่เหมือน 3 ครั้งที่ผ่านมา นักลงทุนที่ใช้ข้อมูลในอดีตมาตัดสินใจ จึงควรคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงข้อนี้ และควรมีแผนการลงทุนและรักษาวินัยอย่างเคร่งครัด ถ้าผิดทางเกินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ก็ให้ตัดขาดทุนทันที แล้วปรับเปลี่ยนสถานะตามแนวโน้มหรือธีมการลงทุนใหม่ๆในช่วงนั้น

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในเครื่องมือทางการเงินอื่นที่ผมไม่ได้กล่าวถึง เพราะไม่พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจน โดยในส่วนของ Single Stock Futures พบแค่ว่าการเลือกตั้งเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกแต่ไม่พบว่าเป็นบวกกับ Single Stock Futures ตัวไหนเป็นพิเศษ ส่วน SET50 Index Options ยังไม่สามารถใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนเพื่อค้าความผันผวนได้ เนื่องจากค่า
ความผันผวนที่แม้ช่วงหลังเลือกตั้งจะขยับขึ้นจากช่วงก่อนเลือกตั้ง แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่ทำกำไรได้โดยง่าย จึงเลือกกำหนดกลยุทธ์ใน SET50 Index Futures เป็นหลัก ผู้ต้องการลงทุนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุน

You may also like...