กองทุนรวมประเภทไหน รับมือวิกฤติเศรษฐกิจได้
คงไม่ต้องวิเคราะห์กันอีกแล้วว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย หรือเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือ การหาวิธีลดความเสี่ยงจากปัจจัยลบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และเครื่องมือที่ช่วยปกป้องเม็ดเงินลงทุนอย่างหนึ่ง คือ กองทุนรวม คำถามตามมา คือ แล้วกองทุนรวมประเภทไหนที่ช่วยให้นักลงทุนรับมือกับปัญหาได้
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ เช่น สงครามการค้า ความผันผวนของราคาน้ำมัน นโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนพยายามมองหาช่องทางการลงทุนที่มีความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งการลงทุนใน “กองทุนรวม” เป็นหนึ่งในคำตอบที่น่าสนใจ และเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาปรับพอร์ตให้ตรงกับภาวะตลาด
ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และนี่คือกองทุนรวมที่เป็นทางออกสำหรับการลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน
สร้างรีเทิร์นช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้นกับกองทุนหุ้น Digital Healthcare
ตามสถิติแล้วหุ้นกลุ่ม Healthcare หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “กลุ่มธุรกิจการแพทย์” จะให้ผลตอบแทนได้ดีในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจของการขยายตัว (Late Cycle) เนื่องจากผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวตามการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากนัก
อีกทั้ง ในระยะยาวหุ้นกลุ่มนี้ยังคงได้รับประโยชน์จากสังคมสูงวัย (Aging Society) ที่จะนำไปสู่การใช้จ่ายในด้านสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดียิ่งขึ้นไปในระยะยาว จะพบได้ว่าการลงทุนใน “Digital Healthcare” มีความน่าสนใจที่โดดเด่นกว่า เพราะธุรกิจการแพทย์ประเภทนี้ มีนวัตกรรมใหม่ๆ
ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ด้านสุขภาพให้กับคนในโลกนี้ ช่วยให้การรักษาดียิ่งขึ้น
ดังนั้น การเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ หรือธุรกิจการแพทย์ ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาดำเนินธุรกิจ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในตอนนี้
REITs กองทุนที่ไม่หวั่นเศรษฐกิจถดถอย
หากนักลงทุนยังคงมีความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาลง กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) คือหนึ่งในทางออกที่จะช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับเงินลงทุนได้ เพราะที่ผ่านมากองทุนประเภทนี้ มีความสามารถในการประคองตัวได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนหุ้นโดยตรง
อีกทั้ง REITs ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจประมาณ 4 – 5% ต่อปี สูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยและสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนเพียง 1.5 – 1.6% ต่อปี ดังนั้น REITs จึงเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดแวดล้อมไปด้วยความไม่แน่นอนได้
ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับ “เศรษฐกิจถดถอย” หรือ “วิกฤตเศรษฐกิจ” นักลงทุนยังมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้เสมอ นักลงทุนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน