Sentiment ของการลงทุนคืออะไร
ในการตัดสินใจลงทุนในหุ้น สิ่งที่ควรจะต้องพิจารณา คือการมององค์ประกอบโดยรวม (Sentiment) ณ ช่วงเวลานั้น ว่ามีบรรยากาศเอื้ออำนวยหรือส่งผลบวกต่อโอกาสในการลงทุนหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นองค์ประกอบจากปัจจัยทางมหภาค เช่น ทิศทางของตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศ กระแสเคลื่อนไหวของเงินทุนจากต่างชาติ (Fund Flow)
สภาพคล่องภายในประเทศ สภาวะเศรษฐกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นในการลงทุน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และองค์ประกอบทางด้านจิตวิทยาทางการลงทุนว่าช่วงเวลานั้นนักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากน้อยแค่ไหน
ถ้าจะเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เราอาจจะเปรียบเทียบว่าเราจะตัดสินใจลงทุน ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหรือไม่นั้น เหมือนกับเหตุการณ์ในขณะที่เราจะตัดสินใจว่าเราจะล่องเรือไปเที่ยวชมความสวยงามของทะเลและเกาะต่างๆ ถ้าวันนั้นสภาพอากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีเมฆฝน คลื่นลมในทะเลสงบ ทุกคนคงอยากรีบลงเรือ และรู้สึกสบายใจ
ไม่มีความกังวลใดๆ แต่ถ้าขณะนั้นฝนตกหนัก คลื่นลมแรงมาก ก็คงจะไม่มีใครอยากก้าวลงเรือ หรือถ้าจำเป็นต้องลงก็คงลงไปแล้วมีแต่ความกังวลใจในเรื่องความปลอดภัย
การลงทุนก็เช่นเดียวกัน ถ้าบรรยากาศโดยรวมในการลงทุน ณ เวลานั้นดี อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ตัวเลขเศรษฐกิจดี ภาวะทางการเมืองที่มีความมั่นคง เงินทุนต่างชาติไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึง Sentiment ของการลงทุนดี นักลงทุนก็จะตัดสินใจลงทุนด้วยความสบายใจและมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ
Investment Theme คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
ในการเลือกตัดสินใจลงทุนหุ้นแต่ละตัว ถ้านักลงทุนสามารถเข้าใจ เรียนรู้และตอบตัวเองได้ว่าอะไรคือประเด็นหลักๆ (Theme) ที่ทำให้หุ้นตัวนั้นน่าสนใจ เช่น
· อะไรคือ Key Point หลักที่จะทำให้หุ้นตัวนั้นสามารถมีผลประกอบการที่เติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก
· อะไรคือแผนธุรกิจที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ (Business Plan) ของหุ้นตัวนั้น
· อะไรคือข้อได้เปรียบของบริษัท (Comparative Advantage) เหนือหุ้นตัวอื่นใน Sector เดียวกัน
เป็นต้น
ซึ่งจะทำให้เรามีความมั่นใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น หรืออีกนัยยะหนึ่งคือเราก็จะเข้าใจเหตุผลได้ว่าทำไมเราจึงต้องเลือกลงทุนในหุ้นตัวนั้น และยังสามารถคอยติดตาม (Monitor) ประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นตัวนั้นได้ในทุกๆช่วงเวลาของการลงทุนได้อีกด้วย
ในมุมของการเปรียบเทียบ การลงทุนในหุ้นเปรียบเสมือนการนั่งรถทัวร์ ทุกครั้งที่เราขึ้นรถทัวร์(เปรียบเหมือนการซื้อหุ้น) เราก็ควรรู้ว่าเราจะนั่งรถทัวร์คันนี้ไปถึงสถานีปลายทางใด (ราคาเป้าหมายของหุ้น) การที่รถทัวร์คันนั้นจะวิ่งถึงสถานีปลายทางหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ (Theme หรือประเด็นการลงทุน) ว่ามีประสิทธิภาพพอหรือไม่
โดยทั่วไปถ้าเครื่องยนต์ดีไม่มีปัญหา รถทัวร์คันนั้นก็จะสามารถวิ่งถึงสถานีปลายทางได้อย่างไม่ยากลำบาก หรือถ้าเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงจริงๆ ก็อาจนำเราไปสู่เป้าหมายที่ไกลกว่าเดิมได้เช่นเดียวกัน
การลงทุนในหุ้นก็เช่นกัน ถ้าประเด็นการลงทุนของหุ้นตัวนั้นยังคงมีความแข็งแกร่งราคาหุ้นก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปสู่เป้าหมายได้โดยไม่ยาก ในทางตรงกันข้าม ถ้าระหว่างเดินทางเครื่องยนต์ของรถทัวร์เกิดเสียหายหรือชำรุด (Theme ของหุ้นเปลี่ยนไป) รถทัวร์คันนั้นก็คงไม่สามารถนำเราไปถึงเป้าหมาย (ราคาหุ้นอาจไม่ปรับตัวขึ้นตามที่คาดการณ์)
ดังนั้น ความสำคัญของการเข้าใจเรื่อง Investment Theme ก็คือต้องคอยติดตามตรวจสอบประเด็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเกิดหุ้นตัวนั้นมีประเด็นการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปในด้านลบอย่างรุนแรง เราก็ควรจะทำการปรับเป้าหมายลงหรืออาจจะขายหุ้นตัวนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในระยะยาว
ปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญในการมอง Investment Theme
โดยทั่วไปประเด็นการลงทุน (Theme) อาจจะมีได้ทั้งประเด็นการลงทุนที่มีความโดดเด่นจากตัวกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector) หรือประเด็นการลงทุนที่แข็งแกร่งที่เกิดจากตัวหุ้น (Stock) โดยประเด็นการลงทุนที่เป็นของ Sector จะเป็นตัวบ่งชี้ให้เราสามารถมาวิเคราะห์เจาะลึกหาประเด็นบวกของหุ้นตัวที่เราจะเลือกได้
· ตัวอย่างประเด็นการลงทุน (Theme) ในตัวกลุ่มอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น
ลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ประเด็นการลงทุนหลักๆส่วนใหญ่จะเป็น
- การที่จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- การแสดงความพร้อมของรัฐบาลที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Medical HUB ของภูมิภาคนี้
- ค่ารักษาพยาบาลที่ยังถือได้ว่าค่อนข้างต่ำกว่าโดยเปรียบเทียบ
- การควบรวมกิจการ (M&A) ที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ (Synergy) อย่างรวดเร็ว
- สัดส่วนประชากรที่เข้าสู่วัยชรามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
เป็นต้น
· ตัวอย่างประเด็นการลงทุน (Theme) ในหุ้นรายตัว (Stock) ตัวอย่างเช่น
หุ้น THAI ที่ราคาหุ้น Outperform ได้อย่างโดดเด่นมากในช่วงปี 2016 ประเด็นการลงทุนหลักๆ
- ผลประกอบการมีการพลิกฟื้น (Turnaround) อย่างชัดเจนหลังจากมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรภายในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
- การได้ประโยชน์จากต้นทุนของน้ำมันที่ลดลง
- การคำนวณ Valuation ในส่วนของค่า P/E ที่ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับสายการบินอื่น
- แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะยังทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องในปีต่อไป
เป็นต้น
เทคนิคในการมอง Investment Theme สำหรับนักลงทุน
จุดเริ่มต้นของการหา Investment Theme ของหุ้นตัวใดตัวหนึ่งอาจจะเริ่มมาจากติดตามข่าวสาร หรือการหาอ่านบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ชั้นนำต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีการเขียนประเด็นการลงทุนเป็นหัวข้อ (Bullet) ไว้ในหน้าแรกของบทวิเคราะห์ฉบับนั้น เราอาจจะรวบรวมประเด็นต่างๆ เหล่านี้ หรือแม้กระทั่งประเด็นบวกบางอย่างในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น
ซึ่งนักวิเคราะห์ไม่ได้เขียนไว้ในบทวิเคราะห์มาสรุปเป็นภาพรวมประเด็นการลงทุน (Theme) ของหุ้นตัวนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง ถ้าเราได้ศึกษา ทำการบ้าน เลือกประเด็นบวกต่างๆ มารวบรวมเป็นประเด็นการลงทุนของหุ้นได้ เราจะมีความมั่นใจในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นและสามารถหาจุดสำคัญที่ต้องคอยระวังเพื่อติดตามเช็คข้อมูลต่างๆ
ตลอดช่วงเวลาการถือหุ้นตัวนั้น ซึ่งถ้าทำได้ครบทุกขั้นตอน สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยทำให้เราเป็นนักลงทุนที่ดี ลงทุนอย่างเป็นระบบ และสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วยเช่นกัน
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Investment Theme
- ประเด็นการลงทุนในบางมุม อาจจะไม่สามารถหาอ่านได้จากบทวิเคราะห์หรือข่าวสารทั่วไป เพราะบางครั้งเกิดจากการคาดการณ์ในอนาคตของนักลงทุนบางกลุ่ม (Investor’s Perception) ซึ่งคนเหล่านี้อาจจะใช้ประสบการณ์ หรือมุมมองส่วนตัวในการวิเคราะห์ และให้น้ำหนักในการตัดสินใจลงทุน
- ประเด็นการลงทุนของหุ้นแต่ละตัว ควรจะต้องอยู่ภายในกรอบเวลาที่จำกัด เพราะบ่อยครั้งที่ประเด็นการลงทุนของหุ้นตัวนั้นจะโดดเด่นมากเฉพาะในช่วงเวลา 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ยกเว้นบางกรณีที่ประเด็นการลงทุน (Theme) มีความแข็งแกร่งมากจริงๆ ก็จะทำให้ยืนระยะได้ยาวนานต่อเนื่องได้
- ในแง่ของกลยุทธการลงทุน ถ้าประเด็นการลงทุนยังคงเดิมหรือไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราควรถือหุ้นตัวนั้นต่อไป หรืออีกนัยหนึ่งคือ ไม่ควรรีบขาย เพราะอาจจะทำให้เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงเท่าที่ควรจะเป็น นักลงทุนควรตะหนัก