วัฏจักรตลาดหุ้น

ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ เกี่ยวกับวัฏจักรตลาดหุ้น ซึ่งคุณไพบูลย์เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะหากนักลงทุนเข้าอกเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว จะลดความกังวลเกี่ยวกับสภาวะตลาดลงไปได้ และอาจจะไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอเพื่อลุ้นราคาหุ้นแบบวันต่อวัน

ดังนั้น หากนักลงทุนเข้าใจวัฏจักรตลาดหุ้นจะทำให้เข้าใจตลาดหุ้น และลงทุนได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

สล็อตออนไลน์

สำหรับวัฏจักรตลาดหุ้นในมุมมองของคุณไพบูลย์นั้นมี 4 ช่วงด้วยกันคือ

1.The Great Bond Bull Market ยุคทองของตลาดตราสารหนี้ ยกตัวอย่าง นับตั้งแต่เกิดวิกฤติซับไพร์ม อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงประมาณปี 2009 – 2011 หากนักลงทุนลงทุนในตราสารหนี้ จะได้ผลกำไรส่วนต่างจากราคา (capital gain) ในระดับที่น่าประทับใจ

ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ประเทศขนาดใหญ่ของโลกได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) ลง เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในภาวะอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ หากลงทุนในเงินฝากประจำระยะยาว พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ภาคเอกชน และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่อายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) เกิน 1 ปี จะให้อัตราผลตอบแทนที่ดี

jumboslot

ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยนั้น กำลังซื้อของประชาชนและระดับราคาสินค้าและบริการปรับลดลง ส่งผลให้ยอดขายและผลกำไรของธุรกิจอ่อนแอลง เมื่อธนาคารกลางเริ่มส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นักลงทุนจึงพยายามล็อคอัตราผลตอบแทนด้วยการเลี่ยงจากการลงทุนในตราสารทุนไปลงทุนในตราสารหนี้แทน ด้วยเหตุนี้
ราคาของตราสารหนี้จึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างมาก

2.The Great Correction เป็นช่วงจุดหักเห นั่นคือ การเปลี่ยนทิศของอัตราดอกเบี้ยโลก โดยกำลังกลับสู่ขาขึ้น โดยในช่วงของการเปลี่ยนทิศทาง นักลงทุนจะมีความกังวลหรือไม่มีความมั่นใจต่ออนาคต ดังนั้น จะทำการขายสินทรัพย์ที่ลงทุนเอาไว้ออกไปเพื่อลดความเสี่ยง และรอดูความชัดเจนของทิศทางดอกเบี้ย

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลหรือไม่มีความมั่นใจ เพราะมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะถึงจุดต่ำสุดและกำลังเริ่มปรับขึ้น ประกอบกับเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จะไม่มีปัญหา ถ้าอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นไปพร้อมๆ กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่จะมีปัญหาก็ต่อเมื่อนักลงทุนมีความกังวลว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ
ปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ อีกทั้งต้องรอดูตัวเลขดัชนีที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวแล้วอย่างแท้จริง

เครดิตฟรี

3.The Great Rotation เมื่อนักลงทุนมั่นใจกับการบริหารอัตราดอกเบี้ยของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก และเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้ว ก็จะหลุดออกจากยุค The Great Correction แล้วเข้าสู่ยุคเรียกว่า The Great Rotation

มีหลายๆ คนเข้าใจกันว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศเป็นขาขึ้น เม็ดเงินจะออกจากตลาดตราสารหนี้เข้าตลาดหุ้นทันทีนั้น ในภาคปฏิบัติแล้วนักลงทุนจะต้องรอดูความชัดเจนเรื่องอัตราดอกเบี้ยและทิศทางเศรษฐกิจก่อน เพราะอย่าลืมว่าตลาดหุ้นจะดีก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจเป็นขาขึ้น เพราะตลาดหุ้นถูกขับเคลื่อนด้วยการผลิตผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนเป็นปัจจัยสำคัญ
ดังนั้น หากตลาดหุ้นจะปรับขึ้นต่อเนื่องภายใต้อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศเป็นขาขึ้น การเติบโตของเศรษฐกิจจึงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ

โดยยุค The Great Rotation จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อนักลงทุนมั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเป็นแบบนี้จะได้เห็นเม็ดเงินลงทุนค่อยๆ ออกจากตราสารหนี้เข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น

  1. The Great Equity Bull Market การที่จะเข้าสู่ยุคทองของตลาดทุนได้ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่ประเมินเอาไว้ เช่น เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานของธุรกิจขยายตัว อัตราดอกเบี้ยนโยบายค่อยๆ ปรับขึ้น สภาพคล่องยังอยู่ในตลาดโลก หากเป็นไปตามคาดแบบนี้ เม็ดเงินจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง

สล็อต

ดังนั้น หากนักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ในแต่ละช่วง จะสามารถบริหารจัดการเงินลงทุนได้อย่างเหมาะสม และสิ่งที่ตามมา ก็คือ ผลตอบแทนที่งดงาม ขณะที่ความเสี่ยงจะปรับลดลงอย่างน่าประทับใจ ณัฐมล ลิ้งท้าย

You may also like...