มือใหม่ลงทุนต้องรู้จักหยุดการขาดทุน

นักลงทุนมือใหม่หลายคนเมื่อเริ่มต้นลงทุนมักจะมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นเป็นของตนเอง บางคนอาจจะถนัดที่ใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้น บ้างก็ถนัดที่จะใช้ปัจจัยเทคนิคเป็นเครื่องมือหลักเพื่อจับจังหวะการทำกำไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความถนัดเฉพาะตัวที่ไม่มีกฎเกณฑ์ใดตายตัวสำหรับนักลงทุนแต่ละท่าน

แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรจะต้องรู้และปฏิบัติตามอย่างมีวินัยนั่นคือเรื่องของการหยุดการขาดทุนไม่ว่าจะด้วยวิธี “Stop Loss” หรือ “Cut Loss” นั่นเอง

สล็อตออนไลน์

Warren Buffett นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ มีกฏเกณฑ์ในการลงทุนที่เคร่งครัด และ เขามักจะบอกกฏเหล่านี้ของเขาให้แก่นักลงทุนอยู่เสมอ นั่นคือ

กฎข้อที่ 1 ของการลงทุน คือ ห้ามขาดทุน (Never lose money) และ
กฎข้อที่ 2 คือ อย่าลืมกฎข้อที่ 1 (Never forget rule no. 1)

เพราะเขารู้ดีว่า ในการลงทุนนั้นหากเราสูญเสียเงินลงทุนไปแล้ว การจะทำให้เงินลงทุนกลับมาเป็นเท่าเดิมนั้นยากยิ่งกว่า ดังตารางข้างล่างที่จะแสดงให้เห็นถึงผลของการขาดทุนเงินลงทุนตั้งต้น

jumboslot

ดูแค่นี้ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไร แต่ถ้าหากท่านไม่สามารถหยุด % การขาดทุนได้ จนทำให้ขาดทุนถึง 90% นักลงทุนจะต้องหาสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้มากถึง 900% เพื่อให้เงินลงทุนกลับมาเท่าเดิม ซึ่งสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนได้มากเท่านั้น หากจะหาให้ได้ก็คงต้องอาศัยเวลาและโชคชะตาที่จะช่วยได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ยิ่งกว่าการลงทุนให้ได้กำไรคือ..
. การพยายามรักษาเงินต้นเอาไว้ให้ได้ และหยุดการขาดทุนให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งปกติแล้วการ Cut Loss และ Stop Loss มักจะใช้เพื่อจุดประสงค์ 2 อย่าง คือ

  1. ใช้เพื่อหยุดการขาดทุน และปกป้องเงินลงทุน
  2. ใช้เพื่อปกป้องผลกำไร

การหยุดการขาดทุนด้วยวิธี Cut Loss และ Stop Loss นั้นแตกต่างกันอย่างไร?

การ Cut loss หมายถึง การขายหลักทรัพย์ออกไปโดยที่ “ขาดทุน” แต่เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด ก่อนที่จะขาดทุนมากไปกว่าปัจจุบัน ส่วน Stop loss นั้นหมายถึง การหยุดเพื่อไม่ให้ราคาหลักทรัพย์ในพอร์ตลดลงไปมากกว่านี้ ซึ่งขณะที่ทำการ Stop loss นั้นท่านอาจจะขาดทุนหรือได้กำไรอยู่ในขณะที่ขายก็ได้ แต่ขายออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้กำไรลดลงกว่าที่เป็นหรือขาดทุนมากยิ่งขึ้น

เครดิตฟรี

วิธีการที่เป็นที่นิยมสำหรับการตั้งจุดหยุดการขาดทุนสำหรับมือใหม่มีดังนี้

วิธีที่ 1 Percentage Stop Loss : เป็นวิธีตั้งจุดตัดขาดทุนที่ง่ายและทำได้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งวิธีการนั้นก็คือ นำ % Stop Loss (% ที่รับได้หากขาดทุน) มาคูณกับราคาต้นทุนที่ซื้อหลักทรัพย์นั้น
เช่น ซื้อไว้ที่ราคา 10 บาท ตั้ง % ตัดขาดทุนไว้ที่ 5% คำนวณจุดตัดขาดทุนได้ 10 x 5% = 0.5 บาท
นั่นหมายความว่าเรารับการขาดทุนได้ที่ 0.5 บาท ดังนั้น หากหลักทรัพย์ที่ถือราคาลดลงจาก 10 บาทเป็น 9.5 (10-0.5) บาท ต้องตัดสินใจขาย

ซึ่งการตั้ง % ตัดขาดทุนนั้นเป็นค่าที่ไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้และความเต็มใจในการยอมขาดทุนของผู้ลงทุนเอง

วิธีที่ 2 Price Pattern Stop Loss : คือการตั้ง Stop Loss ตามสิ่งที่กราฟบอก เหมาะสำหรับคนที่มีความรู้ด้าน Technical มาพอประมาณแล้ว เป็นการใช้ แนวรับ, แนวต้าน, Trend Line เป็นตัวกำหนดจุด
เช่น การใช้เส้นเทรนไลน์ trend line ตีกรอบราคาไว้จาก ราคาหุ้นต่ำสุดในแต่ละช่วงเวลา หากราคาของหลักทรัพย์หลุดแนวรับเมื่อไรก็ขายหลักทรัพย์เพื่อ Stop Loss ทันที

วิธีที่ 3 Volatility Stop Loss : คือการตั้งจุด Stop Loss ด้วยการใช้ความผันผวนจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น นิยมใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Average True Range (ATR) ซึ่ง ATR จะเข้ามาช่วยคำนวนราคา Stop Loss จากราคาสูงสุด ต่ำสุด ภายในช่วงเวลา (ความผันผวน) มาให้ ค่าที่คำนวณได้จะแสดงในรูปแบบของจุดสีแดงใต้ราคา
หากวันไหนราคาปิดตัวลงมาต่ำกว่าราคาที่ ATR คำนวณไว้ให้ก็ขายหลักทรัพย์เพื่อ Stop Loss

สล็อต

ยังมีวิธีการ Stop Loss อื่นๆ อีกมากมายที่นักลงทุนสามารถศึกษาและเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสไตล์ของตนเอง อย่างไรก็ดี อย่าลืมว่าในทุกๆ การการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในหลักทรัพย์ ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูง นั่นย่อมหมายถึงความเสี่ยงที่จะต้องสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น
หากจะมีวิธีการใดที่จะช่วยบรรเทาความเสี่ยง หรือจำกัดความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะต้องสูญเสียเงินลงทุนไว้ได้ ผู้ลงทุนก็ควรที่จะศึกษาวิธีการนั้นๆ ไว้ พร้อมทั้งปฏิบัติให้ได้อย่างมีวินัย เพื่อตัวของผู้ลงทุนและเพื่อเงินลงทุนของท่านเอง ณัฐมล แนะนำ

You may also like...