12 หุ้นราคาถูก ของดี มีปันผล

เมื่อพูดถึงการลงทุนในหุ้นไทยในช่วงนี้ นักลงทุนหลายคนอาจใช้กลยุทธ์ Wait & See หรือลดน้ำหนักการลงทุน เพราะกังวลกับปัจจัยลบที่มีผลกระทบจนทำให้ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นหลายตัวที่สามารถลงทุนได้ นั่นคือ “หุ้นถูก ดี และมีปันผล”

ภายใต้ความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ รวมถึงความกังวลว่ากองทุน LTF ซึ่งมักเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ที่หมดอายุในสิ้นปีนี้จะมีการต่ออายุออกไป หรือมีกองทุนใหม่เข้ามาทดแทนหรือไม่

สล็อตออนไลน์

“ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยยังมีความแข็งแกร่ง เช่น ประเมินว่าแนวโน้มกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนปีนี้อยู่ที่ประมาณ 9.99 แสนล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 100.64 บาท แต่เนื่องจากมีปัจจัยเชิงลบดังกล่าวข้างต้นซึ่งมีผลต่อแรงขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทย จึงมองว่าจากนี้ไป Upside หุ้นไทยคงมีไม่เยอะ” เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยก็ปรับลดลงและอยู่ในระดับต่ำทุกช่วงอายุ โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น 3 เดือน, 6 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ระดับ 1.41%, 1.41% และ 1.40% ตามลำดับ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว 10 ปี อยู่ที่ระดับ 1.46% (สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย, 9 ตุลาคม 2562)

“ปัจจัยที่ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลง เกิดจากแรงกดดันเรื่องความเสี่ยงเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว พร้อมกับวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง โดยธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงและมีโอกาสปรับลงไปอีก” เทิดศักดิ์ อธิบาย

จากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนการลงทุนจากตลาดทุนกับตลาดตราสารหนี้ ส่งผลให้ Market Earning Yield Gap กว้างขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.68% สูงสุดเป็นอันดับ 4 เมื่อเทียบกับเหตุการณ์สำคัญๆ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยอันดับ 1 คือช่วงวิกฤติซับไพร์มอยู่ที่ 8.99% (ช่วงปี 2551) อันดับ 2 คือ เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ อยู่ที่ 5.22%
(ช่วงปลายปี 2554) อันดับ 3 คือ เหตุการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยและวิกฤติราคาน้ำมันดิบ อยู่ที่ 5.15% (ช่วงปี 2557)

jumboslot

ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นไทยน่าสนใจ คือ Market Earning Yield Gap ซึ่งเกิดจากการนำ Market Earning Yield (กำไรต่อหุ้นของตลาดหารด้วยดัชนีหุ้นไทย) ลบด้วยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร (Bond Yield) อายุ 1 ปี

“ผลลัพธ์ออกมาเป็นอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการย้ายเงินลงทุนจากตลาดพันธบัตรไปยังตลาดหุ้น หรืออาจเรียกว่า Risk Premium” เทิดศักดิ์ อธิบาย

จากการวัดค่า Market Earning Yield Gap ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน พบว่า ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.28% หมายความว่า หากนักลงทุนยอมย้ายเงินลงทุนจากพันธบัตรอายุ 1 ปี มาลงทุนในตลาดหุ้นจะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 4.28%

ขณะที่ Market Earning Yield Gap ณ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.68% หมายความว่า ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจและเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนเริ่มหันมามองมากขึ้น “ตามกลไกแล้วหาก Market Earning Yield Gap ปรับเพิ่มสูงขึ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นตามไปด้วย จึงมีโอกาสเห็นเม็ดเงินโยกย้ายเข้าลงทุนในระยะถัดไป” เทิดศักดิ์ บอก

อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนสนใจลงทุนหุ้นไทย เทิดศักดิ์แนะนำให้วางกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยการเน้นหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

เครดิตฟรี

“หุ้นที่ดี และมี Valuation ถูก ยังมีอยู่เยอะ แต่ต้องคัดกรองให้ละเอียดรอบคอบ”

  1. ดู Valuation ในปัจจุบัน โดย P/E Ratio ควรอยู่ในระดับต่ำ เช่น ต่ำกว่า 10 เท่า
  2. อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ควรอยู่ในระดับสูง เช่น สูงกว่า 5%
  3. โครงสร้างทางการเงินต้องแข็งแกร่ง เช่น D/E Ratio อยู่ในระดับต่ำ ไม่เกิน 1 เท่า หรือไม่มีหนี้เลย
  4. กระแสเงินสดเป็นบวกมาโดยตลอด (ห้ามติดลบเด็ดขาด)

“ควรเน้นบริษัทที่ใช้เครื่องมือทางการเงินหลากหลาย และมีระยะเวลาในการชำระหนี้ค่อนข้างยาว เช่น อีก 5 ปีข้างหน้าถึงจะเริ่มจ่ายคืนหนี้ เพราะหากมีภาระจ่ายคืนหนี้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว อาจกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน” เทิดศักดิ์ บอก

สล็อต

  1. ประเมินไปในอนาคตว่า Valuation จะต้องดูดีต่อไป โดยให้พิจารณาอุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่นั้น มีอนาคตสดใสหรือไม่ การแข่งขันรุนแรงแค่ไหน เป็นต้น
  2. ประเมินผลการดำเนินงานในอนาคตว่าบริษัทจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องแค่ไหน ซึ่งสามารถดูจากบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ และคำแนะนำการลงทุนต้องเป็น “ซื้อ”

นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุน

You may also like...