จบกันเท่านี้ คุณ “หนี้” จากปีเก่า
ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลายๆ คนเข้าวัดขอพร เพื่อให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ส่วนอะไรที่ไม่ดีก็อย่าได้ตามมา
แต่มีสิ่งหนึ่ง ถึงแม้จะวิ่งขอ 7 วัด 9 วัด ถ้าหากไม่ลงมือทำ สิ่งนั้นจะตามเราไปตลอด
“หนี้สิน” นั่นเอง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนี้สินบางอย่างเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องยอมเป็นภาระ เพื่อยกระดับชีวิตตัวเองและครอบครัวให้ดีขึ้น เช่น การกู้เงินมาซื้อบ้าน เพื่อการศึกษาเจ้าตัวน้อย แต่มีหลายๆ คนที่ใช้เงินเพลินจนพลั้งเผลอ สุดท้ายลงเอยด้วยหนี้สิน เช่น ช็อปปิ้งด้วยการรูดบัตรเครดิต กู้ซื้อรถ 2 คัน ช็อปกระจาย สุดท้ายลงเอยด้วยหนี้สินท่วมหัวทั้งต้นทั้งดอก
ขอแสดงความยินดีกับคนที่ได้โบนัสก้อนโตแล้วนำไปเคลียร์หนี้สินได้หมดตั้งแต่ต้นปี ส่วนใครที่ได้โบนัสนิดเดียวหรือไม่มีเลยก็อย่าพึ่งสิ้นหวัง ท่องเอาไว้ว่าทางออกย่อมมีเสมอ ถ้ามีความตั้งใจ และนี่คือเทคนิคง่ายๆ สำหรับการเคลียร์หนี้ที่ติดตัวมาตั้งแต่ปีเก่า
- ก่อนอื่นต้องตรวจสอบภาระหนี้สินทั้งหมดว่ามีเท่าไร จากนั้นดูระยะเวลาการจ่ายหนี้ อัตราดอกเบี้ยทั้งกรณีปกติและอัตราดอกเบี้ยผิดนัด แล้วก็ดูค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายๆ เช่น หลักประกัน ค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อ เงื่อนไขอื่นๆ ในสัญญาที่มีผลต่อการจ่ายหนี้ เมื่อเห็นข้อมูลเหล่านี้จะทำให้แก้ไขและกำหนดแนวทางการชำระได้ง่ายขึ้น
- กำหนดเป้าหมายลดภาระหนี้สินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามกำลังความสามารถ เพราะ “แม้ในยามที่เราหลับ ดอกเบี้ยไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนตามเรา” ด้วยการแยกประเภทหนี้เพื่อจัดลำดับความสำคัญและแบ่งเงินไปชำระตรงเป้าหมาย นั่นคือ ให้เคลียร์หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงๆ เป็นอันดับแรก เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อหมุนเวียน หนี้ที่มีกำหนดชำระภายใน 1 ปี หรือหนี้นอกระบบ
- หากว่ากำลังเคลียร์หนี้เก่าแต่จำเป็นต้องก่อหนี้ใหม่ ให้ถามตัวเองก่อนว่าไหวมั้ย ถ้ายังไม่พร้อมก็ควรหยุดไปก่อนจนกว่าจะสะสางปัญหาเดิมให้เสร็จสิ้น หรือจนกว่าหนี้เก่าจะลดลงอยู่ในวิสัยที่ก่อหนี้ใหม่ได้ และอย่าลืมว่าควรเป็นหนี้เท่าที่จำเป็น
- ปัญหาที่ไม่สามารถเคลียร์หนี้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากการไม่จัดทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย ปีใหม่นี้ถึงเวลาอันสมควรที่จะจัดทำบัญชีนี้ขึ้นมา เพื่อตรวจสอบให้รู้ว่าในแต่ละวัน แต่ละเดือนมีรายจ่ายแบบไหน ซึ่งทำให้เห็นข้อมูลทางการเงิน รายรับมาจากทางใดบ้าง รายจ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็นมีมากน้อยแค่ไหน ภาระดอกเบี้ยและเงินต้นที่ต้องจ่ายแต่ละงวด
และเมื่อหักกลับลบหนี้แล้วจะเหลือเงินเท่าไร พูดง่ายๆ บัญชีรายรับ – รายจ่ายทำให้รู้เส้นทางเงินของตัวเองนั่นเอง ทำให้การบริหารจัดการเงินง่ายดายขึ้น
- ปรับมาตรฐานการใช้ชีวิตให้พอเหมาะพอควร จากก่อนหน้าที่ทานข้าวนอกบ้านทุกสุดสัปดาห์ ก็ให้ลดลงเหลือเดือนละครั้ง หากเข้าโรงหนังทุกครั้งที่มีเรื่องใหม่ๆ เข้าฉายก็ให้เพลาๆ ลง หรือไม่ก็หยุดไปเลย หรือเคยช็อปปิ้งกระจายก็ให้หักดิบ แล้วเงินที่เหลือก็นำไปเคลียร์หนี้
- เมื่อลดรายจ่ายไปแล้ว ต่อไปต้องสร้างรายได้ให้มากขึ้นเพื่อให้มีกระแสเงินสดมากขึ้น โดยการใช้ความสามารถพิเศษ เช่น รับสอนพิเศษวิชาที่ตัวเองถนัด รับแปลงาน ทำขนมขาย แล้วเงินที่ได้ทั้งหมดก็นำไปจ่ายหนี้
- ลองดูทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านว่าชิ้นไหนมีความจำเป็นและชิ้นไหนไม่จำเป็น ซึ่งชิ้นที่ไม่จำเป็นก็อาจจำเป็นกับคนอื่นก็ได้ นั่นคือ ลองประกาศขายผ่านช่องทางต่างๆ บางครั้งคุณอาจจะแปลกใจว่าของบางชิ้นขายได้ราคาที่น่าพอใจ
- การรีไฟแนนซ์ ทุกวันนี้แบงก์ต่างๆ มีโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์ออกมาไม่เว้นแต่ละวัน คุณต้องเปรียบเทียบว่าค่ายไหนที่คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้เดิม แล้วลองปรึกษาเจ้าหน้าที่ ถ้าทำได้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละงวดได้มากอย่างที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียว
- หากดูแล้วหนี้เยอะมากเกินไปและเริ่มไม่แน่ใจว่าจะเคลียร์ได้ อย่าหนีหนี้หรือปล่อยทิ้งไว้ แต่ให้เดินไปหาเจ้าหน้าเพื่อแสดงความตั้งใจชำระหนี้ ซึ่งอาจมีทางออกที่ดี เช่น ได้รับการขยายระยะเวลาชำระหนี้ ลดต้นลดดอก ปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระให้เหมาะกับรายได้ หรือโอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ เป็นต้น แบบนี้ทำให้เจ้าหนี้ไว้วางใจเรา
และหากต้องการกู้เงินอีกก็จะไม่มีปัญหาในเรื่องความน่าเชื่อถือ
เทคนิคการบริหารหนี้จากปีเก่าแบบง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้ขอเพียงมีวินัยและตั้งใจ แล้วหนี้จะลดลงและหายไปจากชีวิตเราอย่างรวดเร็ว ฝึกวินัยให้กับตนเอง
