สร้างหนี้เมื่อพร้อม สำรวจตัวเองก่อนสร้างหนี้
“อิณาทานัง ทุกขัง โลเก การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก” พุทธศาสนสุภาษิตสุดคลาสสิค ที่ยังเป็นจริง เป็นสัจธรรมแห่งชีวิตมนุษย์ไม่เปลี่ยน ไม่ว่าโลกจะหมุนเร็วเพียงใด เทคโนโลยีจะทันสมัยขนาดไหน เราก็ยังเห็นคนเป็นทุกข์จากการเป็นหนี้อยู่เสมอ ปัญหาหนี้สินถือเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ที่นอกจากจะบั่นทอนความสุขความสงบในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของผู้เป็นหนี้แล้ว
ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจระดับประเทศได้อีกด้วย
มีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยและจากการสำรวจของหลายสำนัก ระบุตรงกันว่าสถานการณ์หนี้สินครัวเรือน ซึ่งเป็นหนี้สินส่วนบุคคลในประเทศไทยมีความน่ากังวลอยู่ไม่น้อย ทั้งข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าปัจจุบันหนี้ครัวเรือนไทยสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่เปิดเผยรายงานการวิจัยเมื่อปี 2560 เรื่อง “มุมมองใหม่หนี้ครัวเรือนไทยผ่าน Big Data ของเครดิตบูโร” โดยใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ที่ครอบคลุมหนี้ 87% ของหนี้ในระบบทั้งหมด พบว่า 1 ใน 3 ของคนไทยเป็นหนี้ และ 1 ใน 2 ของคนอายุ 25 – 35 ปี มีหนี้ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่คนเป็นหนี้มากที่สุด
สะท้อนภาพการเข้าสู่ภาวะการเป็นหนี้ของคนไทยตั้งแต่อายุยังน้อย โดยคนในกลุ่มนี้ยังมีสัดส่วนหนี้เสียสูงเกิน 1 ใน 5 อีกด้วย
ข้อมูลเหล่านี้น่ากลัวอยู่ไม่น้อย ใครจะก่อหนี้หรือกำลังจะเป็นหนี้เพิ่ม คงต้องทบทวนให้แน่ใจว่าเราพร้อมที่จะเป็นหนี้แล้วจริงๆ จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์ เพราะเป็นหนี้ที่มากเกินพอดี
ปัจจุบันคนกลุ่มใหญ่ๆ ในบ้านเรา “ขาดความรู้ที่ถูกต้องในการจัดการทางการเงิน” และยัง “ขาดวินัยในการใช้ชีวิต” จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวเลขสถิติเกี่ยวกับหนี้สินส่วนบุคคลในประเทศไทยจะน่ากังวลขึ้นเรื่อยๆ ผู้มีหนี้บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าไร จะต้องผ่อนไปอีกนานเท่าไร หรือจะจัดการหนี้แต่ละก้อนอย่างไร โดยเฉพาะในกรณีผู้ที่เป็นหนี้สินหลายๆ ก้อน
จนเข้าข่ายหนี้สินรุงรัง หมุนเงินจ่ายหนี้พัลวันทุกเดือน
ใครไม่อยากตกที่นั่งลำบาก เข้าสู่วังวนการเป็นหนี้แบบไร้อนาคต ต้อง “ขยันหมั่นหาความรู้ที่ถูกต้อง” ในการจัดการทางการเงิน โดยเฉพาะการจัดการหนี้สิน และต้อง “ฝึกฝืนใจตัวเองบ่อยๆ” เพื่อพิชิตวินัยในการใช้ชีวิตและวินัยทางการเงิน โดยจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการจะเป็นหนี้ หรือก่อหนี้เพิ่ม ให้เริ่มต้นที่ 3 รู้ สู่การเป็นหนี้อย่างมีสติ
3 รู้ สู่การเป็นหนี้อย่างมีสติ
- รู้ความจำเป็นในการก่อหนี้ เมื่อจะเป็นหนี้ เราควรมีเหตุผลในการก่อหนี้ เป็นหนี้ที่ดี หนี้ที่จะสร้างอนาคตที่มั่นคง เช่น หนี้บ้าน หนี้เพื่อการศึกษา และที่สำคัญเป็นหนี้ในจำนวนที่พอเหมาะพอดี ไม่ก่อหนี้เกินตัว คือ ไม่ควรมีหนี้เกิน 50% ของสินทรัพย์ เช่น คุณโยโย่ มีบ้าน มีรถ มีเงินลงทุนและสินทรัพย์อื่นๆ รวมทั้งสิ้น 2,000,000 บาท เพื่อไม่ต้องแบกภาระหนี้สินที่มากเกินตัว คุณโยโย่ไม่ควรมีหนี้สินเกิน 1,000,000 บาท เป็นต้น ใครกำลังจะกู้เงินซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อโทรศัพท์ใหม่ ต้องลองทบทวนสถานะทางการเงินที่แท้จริงของตัวเองดูว่า เราควรซื้อบ้านหลังใหม่ 300 ตารางวา หรือว่า 60 ตารางวา เราควรซื้อโทรศัพท์มือถือราคา 5,000 บาท หรือ 50,000 บาท การเป็นหนี้ตามความจำเป็น เป็นหนี้ไม่เกินตัวสำคัญที่สุด ใครตัดสินใจตาม “ความจำเป็น” ได้บ่อยๆ ไม่ปล่อยใจไปกับ “ความต้องการที่เกินจำเป็น” รับรองเป็นหนี้ไม่เกินตัว
- รู้ความสามารถในการจ่ายหนี้ สำหรับความสามารถในการจ่ายหนี้จะพิจารณาจากรายได้ที่หาได้ในแต่ละเดือน เพื่อให้การดำเนินชีวิตในแต่ละเดือนเป็นไปอย่างปกติสุข ยอดผ่อนชำระหนี้ในแต่ละเดือนรวมแล้วไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เช่น คุณบีบีมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท คุณบีบีควรผ่อนหนี้ไม่เกินเดือนละ 12,000 บาท (30,000 x 40%) หากภาระผ่อนชำระหนี้ในแต่ละเดือนมากกว่า 40% ของรายได้ อาจจะทำให้คุณบีบีมีเงินไม่พอใช้จ่ายในแต่ละเดือน จนอาจจะต้องกู้เงินเพื่อเป็นสภาพคล่อง หรือเพื่อกินเพื่อใช้ในแต่ละเดือน และอาจเป็นเหตุให้คุณบีบี ติดอยู่ในวังวนแห่งการเป็นหนี้ที่ไม่สิ้นสุด!!!
- รู้ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หากจัดการหนี้ไม่ได้ ภาพสำคัญภาพหนึ่งที่ผู้กู้ควรจะนึกถึงก่อนจะเป็นหนี้หรือก่อหนี้เพิ่ม ก็คือ หากไม่สามารถผ่อนชำระหนี้สินได้ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เช่น บ้านหรือรถโดนยึด ถูกฟ้องล้มละลาย ถูกให้ออกจากการงาน ลูกต้องออกจากโรงเรียน เป็นต้น เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือเหตุฉุกเฉินทางการเงินเกิดขึ้นได้เสมอ การนึกถึงความน่ากลัว ความเสียหายรุนแรงที่จะเกิดขึ้นไว้บ้างจะทำให้เราไม่ประมาท มีความระมัดระวัง รอบคอบในการวางแผนและการตัดสินใจ รวมทั้ง จะสร้างพลังผลักดันให้เรามีแรงกายแรงใจสู้จนรอดพ้นจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากความเสียหายเหล่านั้นได้
คนที่มีหนี้สินและเริ่มมีปัญหาทางการเงินส่วนใหญ่ตัดสินใจตามกระแส ตามเทรนด์ โดยเฉพาะกระแสในโลกโซเซียลและเกมการตลาดที่รุมเร้าอยู่รอบตัว จนยากที่จะยับยั้งชั่งใจให้กิน ใช้ บริโภค หรือท่องเที่ยวตามความจำเป็น ให้ซื้อบ้าน ซื้อรถ ในราคาที่พอเหมาะพอดีกับความสามารถในการจัดการหนี้สิน เงินในอนาคตที่ถูกดึงมาเพื่อเพิ่มความสุข ความสะดวกสบายในปัจจุบัน จึงอาจสร้างปัญหาตามมาอย่างไม่จบไม่สิ้น ใครไม่อยาก “มีความสุขในระยะสั้น และจะต้องทนทุกข์ในระยะยาว” ลองสำรวจตัวเองผ่าน Checklist สร้างสติ เพิ่มความสตรอง กันก่อน
Checklist สร้างสติ กู้ได้ ไม่พลาด
A
B
Debt Check
จำเป็น
ต้องการ
เรากำลังจะเป็นหนี้เพราะความจำเป็น (Need) หรือความต้องการที่เกินจำเป็น (Want)
ใช่
ไม่ใช่
หนี้สินรวมทั้งหมดของเรา ไม่เกิน 50% ของสินทรัพย์
ใช่
ไม่ใช่
ภาระหนี้ที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือน ไม่เกิน 40% ของรายได้
ใช่
ไม่แน่ใจ
เรามีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 3 – 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนแล้ว
ใช่
ไม่แน่ใจ
เราจะมีเงินพอที่จะผ่อนชำระหนี้ไปตลอดรอดฝั่ง
ใช่
ไม่แน่ใจ
ภาระผ่อนหนี้ในแต่ละเดือนจะไม่มีผลกระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ใช่
ไม่แน่ใจ
ดอกเบี้ยทั้งหมดที่จะต้องจ่ายคุ้มค่ากับการเป็นหนี้
ไม่ใช่
ไม่แน่ใจ
ถ้าไม่เป็นหนี้ ไม่ซื้อ ไม่บริโภควันนี้ จะต้องเดือดร้อนในอนาคต
ไม่มี
ไม่แน่ใจ
มีทางเลือกอื่นๆ หรือเจ้าหนี้รายอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่
ดัดแปลงจาก: อัจฉรา โยมสินธุ์ (2552) หนังสือ “ไดอารี่การเงิน 365 วันแสนสุข”
ใครเลือกตอบ “ข้อ A” ทั้งหมด แสดงว่าคุณพร้อมแล้วที่จะเป็นหนี้ การเป็นหนี้ในครั้งนี้จะไม่สร้างปัญหาทางการเงินในอนาคตอย่างแน่นอน แต่ถ้าใครตอบ “ไม่แน่ใจ” หลายๆ ข้อ คงต้องทบทวนสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองให้ดีๆ อีกหลายๆ รอบ จะได้ไม่ต้อง “ทนทุกข์ระยะยาว จากความสุขระยะสั้น” การเป็นหนี้ศึกษาให้ดี