เจาะลึก เงินสกุลดิจิทัล ตอน 2
โดยจะมีความคิดเห็นว่าบิตรอน์นั้นยังคงเป็นเงินสกุลดิจิทัลที่แพงที่สุดและก็เป็นที่ชื่นชอบที่สุดมีมูลค่าตามราคาท้องตลาดมากถึงกว่า 1 แสน 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยอีคุณเรียม (Ethereum) ซึ่งถูกปรับปรุงโดย Vitalik Buterin ซึ่งเป็นนักเขียนโปรแกรมผู้ที่มีความเชี่ยวชาญบิตรอน์ในสมัยเริ่ม และก็ได้แลเห็นถึงข้อกำหนดหลายประการของระบบสกุลเงินบิตรอน์ ก็เลยได้ปรับปรุงสกุลเงินใหม่ขึ้นมา รวมทั้งได้เพิ่มอีกคุณลักษณะในหลายด้าน รวมทั้งความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการรองรับ Smart Contract ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมที่ Vitalik Buterin ปรับปรุงขึ้นเพื่อสามารถนำไปปรับใช้สำหรับในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยการเก็บข้อตกลงไว้บนการจัดเก็บข้อมูลแบบบล็อกศาสนาเชน (Block Chain) ซึ่งทำให้ยากต่อการแอบปรับปรุงแก้ไขคำสัญญา และก็เมื่อมีการทำธุรกรรม จะใช้สกุลเงินอีคุณเรียม (Ethereum) เป็นตัวกลาง โดยอีคุณเรียม (Ethereum) ได้รับความมุ่งมาดว่าจะเป็นที่นิยมที่แพร่หลายมากยิ่งกว่าบิตรอน์ เพราะเหตุว่า Smart Contract สามารถนำไปปรับปรุงต่อยอด และก็กระตุ้นให้เกิดของใหม่ของธุรกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างนานาประการ
เงินสกุลดิจิทัลมีความน่าวางใจหรือเปล่า
เดี๋ยวนี้ เงินสกุลดิจิทัลเป็นเงินที่ยังมิได้รับการยืนยันโดยรัฐบาลแล้วก็หน่วยงานของรัฐ รวมทั้งไม่มีการใช้ทรัพย์สินเป็นต้นว่า ทอง หรือตราสารมารับรอง อย่างเช่นการพิมพ์แบงค์ของสกุลเงินประเทศต่างๆโดยที่ราคาหรือราคาของเงินสกุลดิจิทัลนั้นจะขึ้นลงตามอุปสงค์แล้วก็อุปทาน นับว่าเป็นกลไกตลาดอย่างแท้จริง ผู้พอใจเงินสกุลดิจิทัลนั้นมีนานัปการ ตั้งแต่การทดสอบเล่นกับของใหม่เทคโนโลยีการคลังด้วยความต้องการอยากจะรู้ การขุดเหมือง (ร่วมผลิตเงินสกุลดิจิทัล) เพื่อหวังผลทดแทน การใช้เงินสกุลดิจิทัลเป็นลู่ทางสำหรับในการคิดบัญชี การลงทุนระยะสั้นและก็ระยะยาวเพื่อหวังผลกำไร หรือแม้กระทั้งการลงทุนกับกรุ๊ปสตาร์ทอัพที่ระดมทุนแบบ Initial Coin Offering (ICO)
โดยที่ตลาดเงินตราสกุลดิจิทัลเป็นตลาดที่มีการเสี่ยงสูงมากมาย ซึ่งตลาดเงินตราสกุลดิจิทัลนั้นมีเงินลงทุนไหลเข้ามามากมาย ทำให้ราคากำเนิดความผันแปร รวมทั้งตลาดมีความหวั่นไหวสูง ดังเช่นว่า ในตอน 6 ปีให้หลัง ราคาของบิตรอน์มีการตกลงอย่างหนักถึง 12 ครั้ง รวมทั้งตั้งแต่แมื่อมีการปรับปรุงเงินสกุลดิจิทัล นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบลและก็นักการเงินที่โด่งดังคนจำนวนไม่น้อย ได้แก่ Paul Krugman, Joseph Stiglitz, Robert Shiller, Warren Buffett รวมทั้งสถาบันการเงินขนาดใหญ่ อาทิเช่น JP Morgan ได้เห็นว่าระบบเงินสกุลดิจิทัลจะปราศจากความยืนนาน ด้วยเหตุว่ามิได้ถูกผลิตขึ้นโดยมีทรัพย์สินที่มีค่ารองรับค่าของสกุลเงิน แล้วก็ยังคิดว่าจำนวนเงินที่ผลิตขึ้นก็บางทีอาจไม่สามารถที่จะสามารถควบคุมให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่จริงจริงได้