ตอน 3 พื้นฐานการลงทุนสกุลเงินดิจิตอล

Cryptocurrency Market Cap : Ethereum vs Bitcoin
แน่ๆว่า Ethereum ชนะ Bitcoin ไปอย่างใสๆในหัวข้อเกี่ยวกับ เวลาสำหรับในการทำธุรกรรม ซึ่งเร็วทันใจกว่า Bitcoin มากมาย เพราะในเชิงแนวทาง จะใช้เวลาสำหรับในการสร้าง block ในเครือข่าย blockchain ที่สั้นกว่า ซึ่งนอกเหนือจากที่จะทำให้เวลาเฉลี่ยสำหรับในการทำธุรกรรมน้อยลงแล้ว ยังส่งผลให้รับประทานพลังงานทรัพยากรน้อยกว่า รวมทั้งทำให้ทุนของกระบวนการทำธุรกรรมน้อยลงเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับ Bitcoin

อีกอย่างที่น่าดึงดูดสำหรับ Ethereum ก็คือการนำเสนอฟังก์ชั่น “ข้อตกลงอัจฉริยะ” หรือที่เรียกว่า Smart Contact ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกใช้ในเครือข่ายของ blockchain ของ Ethereum แนวความคิดเป็นการพยายามนำคำสัญญาหรือกติกาต่างๆมาอยู่ในเครือข่าย blockchain ซึ่งจะมีผลให้กำเนิดความโล่งใส ตรวจทานได้ง่ายนั่นเอง ซึ่งแม้เปรียบเทียบค่าตลาดกันแล้ว ข้อมูลในวันที่เขียน 18 April 2020 นั้น

slotxo

xoslot

xoslot

สล็อต xo

Bitcoin จะมี Market Cap อยู่ที่ : 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
Ethereum จะมี Market Cap อยู่ที่ : 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
Cryptocurrency ผู้เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่อนาคต : Ripple
Cryptocurrency อีกตัวหนึ่งที่น่าดึงดูดมากมายๆไม่แพ้ Ethereum เลยก็คือ Ripple หรืออักษรย่อ “XRP” โดย Ripple วางตัวเองเป็น “โปรโตคอล” ในการจ่ายเงิน หรือเป็น Ripple ปฏิบัติตนเองให้เป็นตัวกึ่งกลางสำหรับในการเชื่อมภาษาของคอมพิวเตอร์จากหลายๆที่ ที่ปรารถนารับส่งเงินออนไลน์ เป็นลักษณะที่เรียกว่า peer-to-peer ราวกับ Bitcoin นั้นเอง แต่ว่าไม่ใช่เพื่ออุดมการณ์ที่เพียรพยายาม “เป็นอิสระ” จากระบบเงินทองเริ่มแรก เนื่องมาจากโครงข่าย Ripple อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Ripple นั่นเอง

ระบบ Ripple ได้รับการยินยอมรับว่า มีขอบเขตที่กว้างกว่า Bitcoin และก็ด้วยเทคโนโลยีที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ ทำให้การประมวลธุรกรรมด้านการเงิน มีความรวดเร็วกว่าไม่มีอันตราย ในระหว่างที่ก็ยังคงความปลอดภัย แล้วก็ด้วยโครงข่ายของ Ripple นั้นมิได้จำกัดเพียงแค่การผลักดันและสนับสนุนการทำงานแต่ว่า XRP ซึ่งเป็น Cryptocurrency ของตนเองแค่นั้น โครงข่ายของ Ripple ปรับปรุงขึ้นมาให้ส่งเสริมทุกๆสกุลเงิน สรุปก็คือ Ripple พรีเซ็นท์ตนเองโดยย้ำการเป็นระบบการจ่ายเงิน ซึ่งตอนนี้ Market Cap ก็ใหญ่ที่สุดเป็นชั้น 3 ของโลกแล้ว ด้วยค่ารวมกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

ในทางวิธี ผู้ใช้โครงข่าย จะต้องมีเหรียญ XRP ปริมาณนิดๆหน่อยๆติดเอาไว้ภายในบัญชีของพวกเขา เพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็น “กำแพง” ที่ทำให้บรรดาแฮกเกอร์ไม่สามารถที่จะเจาะระบบด้วยแนวทางใช้บัญชีเลียนแบบได้ แม้กระนั้นไม่ต้องห่วง เพราะว่าจำนวนเงินดังที่กล่าวมาข้างต้นน้อยเสียมากกว่าน้อย ซึ่งเป็นเคล็ดวิธีเฉพาะบุคคลของบริษัท Ripple ที่ใช้ปกป้อง “Fake Transaction” รวมทั้งหนึ่งระบบที่น่าดึงดูดหมายถึงRipple จะมิได้ระบบ “เหมือง” หรือจำต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์สำหรับในการ “ขุด” เพื่อสร้าง Token ใหม่

แต่ว่าคือระบบที่ดูแลโดยบริษัท Ripple เองที่สร้าง XRP มาไว้เป็นปริมาณ 1 แสนล้าน XRP ในตอนเริ่ม โดยมีการบอกว่า จะไม่มีการผลิตมากขึ้นอีก แม้กระนั้นจะอยู่บนฐานรากของระเบียบการดำเนินงานของโครงข่าย ซึ่งโน่นเป็นข้อความสำคัญที่ XRP ของ Ripple ถูกเอามาแย้งกันว่า แนวความคิดในหัวข้อการกระจัดกระจายศูนย์ หรือ Decentralization ยังมีอยู่ใน Ripple หรือเปล่า แม้กระนั้น ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริงๆว่า ระบบการรับส่งหรือจ่ายเงินนั้นเร็วกว่าเมื่อก่อนมากมาย ซึ่งกำลังได้รับความพึงพอใจสำหรับเพื่อการนำ Ripple ไปปรับใช้อย่างมากมายจากสถาบันการเงินใหญ่ๆบ้างแล้ว แน่ๆว่า นี่จะเป็นอีกหนึ่งเหตุที่ส่งเสริมให้กำเนิด Demand ในตัวเหรียญ XRP

ขุดเหมือง ‘สกุลเงินดิจิตอล’ หรือ “Mining” ดีไหม : เทียบกับ Cryptocurrency Trading
ถ้าเกิดคุณเริ่มมีความสนิทสนม Bitcoin หรือแนวความคิดเกี่ยวกับ Cryptocurrency คุณอาจจะเคยได้ฟังคำว่า ‘การขุดสกุลเงินดิจิทัล’ (Mining) ซึ่งตอนนี้จะชี้แจงว่า Mining เป็นยังไงกันแน่? พวกเราจะต้องรู้เรื่องก่อนว่า Cryptocurrency อยู่บนฐานรากของเทคโนโลยี blockchain ซึ่งก็เป็นหลายๆblock ข้อมูลเชื่อมกัน กรณีของ Bitcoin ถูกระบุจำนวนสูงสุดไว้แล้วที่ 21 ล้าน Bitcoin แล้วก็การจะสร้างแต่ละ block ให้เป็นเหรียญ Bitcoin ขึ้นมานั้น จำเป็นต้องอาศัยการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์สำหรับในการการันตีธุรกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งวิธีการกลุ่มนี้เองที่เรียกว่าการ “ขุด”

ข้อเท็จจริงซึ่งที่นักขุดทำก็เป็นเพียงแค่การประมวลผลแล้วก็รับรองธุรกรรมเพียงแค่นั้น เพียงแค่โครงข่ายจะให้ ‘รางวัล’ แก่ผู้ที่มาช่วยประเมินผล ซึ่งก็ปฏิบัติหน้าที่เป็นแรงบันดาลใจด้านเศรษฐกิจที่จะมอบให้กับคนขุดเหมือง Cryptocurrency นั่นเอง นี่ไม่ใช่การพยายามกระจัดกระจายรายได้ แม้กระนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดที่ทำให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมและก็รับรองในตัวธุรกรรมได้ อันเป็นสิ่งที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า นี่เป็นระบบที่มีการกระจัดกระจายศูนย์ได้อย่างแท้จริง

Cryptocurrency ทั้งสิ้นต่างก็จำต้องพึ่งพิง Node ซึ่งเป็นจุดเชื่อมของคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ สถานที่ทำงานด้วยกันเพื่อเปลี่ยนข้อมูลแนวทางการทำธุรกรรมบนโครงข่าย แล้วก็แม้กระนั้น Node ก็ต่างจะบากบั่นแข่งกันเอาชนะสำหรับในการปรับแต่ง “ปัญหาการคำนวณ” (Computational Puzzle) ซึ่งในเชิงเคล็ดวิธี จะเป็นการพากเพียรใส่ตัวแปรต่างๆที่เป็นได้เข้าไปในสมการเรื่อยจนกระทั่งจะขจัดปัญหารหัสลับต่างๆได้

จุดเชื่อม Node แรกซึ่งสามารถชนะการแข่งขันชิงชัย และก็สร้าง block ใหม่ขึ้นมา ก็จะทำให้เกิดการผลิตสิ่งที่เรียกว่า Hash ซึ่งเป็นกระบวนข้างใน blockchain ที่ตัวมันจะเหมือนเป็นผู้ผลิตชุดรหัสขุดมาใหม่ใน block ต่างๆซึ่งปัจจุบันนี้ในในช่วงเวลาที่เขียนเนื้อหาของบทความนี้ รางวัลต่อ block ในการแก้สมการใน Bitcoin จะพอๆกับ 12.5 Bitcoin แม้กระนั้น จำนวนรางวัลจริงๆที่ได้รับจะน้อยกว่านี้มากมายๆซึ่งแน่ๆว่า ขึ้นกับการมีส่วนร่วมของคุณในเครือข่าย

จะมีความเห็นว่า ครั้งใดก็ตามแก้ปัญหาได้ ก็จะมีสมการยากๆผ่านกรรมวิธี Hash ซึ่งจำต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีกำลังประเมินผลสูงมากมายๆสำหรับเพื่อการคำนวณเพื่อขจัดปัญหา มันก็เลยเป็นได้ยากมากมายที่จะมีผู้ใดกันแน่สามารถ Hack ได้ทั้งยังระบบในเวลาเดียว แล้วก็นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนยุคใหม่ “ไว้ใจ” ต่อการมั่นคงของ Bitcoin ว่ามันจะสามารถเป็นสิ่งที่ค้ำประกันความปลอดภัยทางประวัติศาสตร์ของธุรกรรมด้านการเงินต่างๆได้ โดยที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลจากหน่วยงานของเมือง

พื้นฐานของ Bitcoin เริ่มแรกที่ถูกวางไว้โดย Satoshi Nakamotoเป็นมุมมองเรื่องของ Mining ที่มั่นใจว่า มันเป็นลักษณะเดียวกับที่ พวกเราจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเป็นอย่างมากสำหรับเพื่อการขุดทองออกมาจากเหมืองทองคำ ยิ่งมีความต้องการทองเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรต่างๆไปขุด นั้นทำให้ทุนการขุดเหมืองทองสูงมากขึ้นเรื่อยซึ่งมันเปรียบได้เสมือนดั่งกรณีเดียวกันกับ Bitcoin

Trading Cryptocurrency 2020 : ขุดหรือเทรด?
ปัญหาที่คนจำนวนมากปรารถนาหมายถึงการขุด Bitcoin ยังสามารถทำเงินได้ไหม? เพราะว่าเงินลงทุนก็คือเครื่องไม้เครื่องมือคอมพิวเตอร์ แล้วก็ค่าไฟฟ้าที่พรั่งพร้อม ไหมควรจะขุด Bitcoin แต่ว่าไปขุด Ripple แทน?

คำตอบสั้นๆสำหรับหัวข้อนี้ก็คือ “มันไม่ได้เรื่อง” และก็มีลัษณะทิศทางที่จะขาดทุนสำหรับคนส่วนมาก ยิ่งมีคนขุดมันขึ้นมาเยอะแค่ไหน ความยากสำหรับเพื่อการทำเหมืองก็ยิ่งยากมากเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องใช้เวลานานมากขึ้นเรื่อยๆในการขุด Bitcoin ในจำนวนเหมือนเดิม การบรรลุเป้าหมายของคนสมัยแรกๆบางครั้งอาจจะมิได้เกิดขึ้นกับนักขุด Cryptocurrency คนใหม่

มันเป็นสนามการประลองที่รุนแรง หากว่า คุณจะสามารถเข้าถึง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทรงประสิทธิภาพกว่าเดิม และก็มีทิศทางจะทรงประสิทธิภาพขึ้นทุกปี แม้กระนั้นคอมพิวเตอร์พวกนั้น ก็ย่อมเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วๆไปสามารถหาซื้อได้เช่นเดียวกัน การ Mining ที่จำเป็นต้องดำเนินตลอด 1 วัน จะมาพร้อมค่าใช้สอยด้านการดูแลระบบกระแสไฟฟ้าต่างๆไม่มีวันเลยที่จะสมควรสำหรับบุคคลปกติ นอกจากจะรวมกำลังกันเพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า Pool

อย่างไรก็ดี ในฐานะปัจเจกชน มันง่ายดายเสียยิ่งกว่ามากมายๆที่จะเปลี่ยนรวมทั้งซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือก็คือการเข้าไปเทรดใน Cryptocurrency ตรงๆด้วย CFD ผ่านโบรกเกอร์ที่เปิดให้บริการ การเทรดผลิตภัณฑ์ใดๆก็ตามในโลกผ่านข้อตกลง CFD นั้น จะมีผลให้นักลงทุนเลือกได้ว่า ต้องการจะได้กำไร “ขาขึ้น” หรือ “ขาลง” ทำให้การลงทุนใน Cryptocurrency ของคุณ จะมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การ “ซื้อรวมทั้งถือ” เพียงแค่นั้น

ถ้าหากคุณปรารถนาเริ่มเทรด Cryptocurrency ผ่าน CFD สามารถทำตามอย่างขั้นตอนกล้วยๆดังต่อไปนี้เลย!

เปิดบัญชี Live Account
ดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5 เพื่อเข้าไปเทรดใน Cryptocurrency ต่างๆ
เปิดแพลตฟอร์มขึ้นมา แล้วก็คลิกที่แท็บ ‘File’ ที่ข้างบนซ้ายของจอ
เลือก ‘Login to Trade Account’ แล้วก็ใส่เนื้อหาเกี่ยวกับบัญชี Live Account ของคุณ
นี้คุณจะสามารถเปิดแผนภูมิ Cryptocurrency อะไรก็แล้วแต่ก็ได้จากที่คุณอยากได้
เมื่อคุณอยากซื้อหรือขาย คลิก ‘New Order’

You may also like...